หุ้นกู้แสนสิริ 100 ลบ. แก้ "ความเหลื่อมล้ำ" เด็กทุกคนต้องได้เรียน
"แสนสิริ" จับมือ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ระดมทุนผ่านหุ้นกู้แสนสิริ 100 ล้านบาท สร้างความเปลี่ยนแปลงประเทศ ลดปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษา ผ่านโครงการ “Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน”
โอกาสทางการศึกษาของไทยยังมี "ความเหลื่อมล้ำ" ในปี 2564 มีเด็กยากจนกว่า 1.9 ล้านคน จากทั้งหมด 9 ล้านคน ที่เสี่ยงหลุดระบบการศึกษา เนื่องจากครอบครัวยากจน และจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ การศึกษาไทยยิ่งต้องเผชิญกับปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษาที่ทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากหลายครอบครัว มีรายได้ลด ถูกเลิกจ้าง และปัญหาเรื่องขาดแคลนอุปกรณ์การเรียน คอมพิวเตอร์ ฯลฯ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กหลายคนหลุดออกนอกระบบการศึกษา
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มุ่งมั่นส่งเสริมเรื่องความเสมอภาค เท่าเทียม และเข้าถึงได้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย เปลี่ยนระบบการศึกษาไทยให้เด็กหลุดระบบการศึกษาต้องเป็น “ศูนย์” เปิดโครงการ “Zero Dropout” การระดมทุนผ่าน หุ้นกู้ แสนสิริ 100 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี เพื่อรวมพลังสร้างประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงประเทศของคนไทย สถานการณ์การศึกษาไทย ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงและแก้ปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษาที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงวิกฤติโควิด ผ่านโครงการ “Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน”
- นำร่อง ราชบุรีโมเดล
ทั้งนี้ โครงการ “Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน” จะเริ่มดำเนินการแห่งแรก ที่จังหวัด ราชบุรี จากข้อมูล กสศ. พบว่า มีเด็กที่ไม่มีข้อมูลในระบบการศึกษากว่า 11,200 คน เสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษา ใน จ.ราชบุรี แบ่งเป็น
- เด็กปฐมวัย 3-5 ปี กว่า 66%
- เด็กประถมศึกษา 6-11 ปี กว่า 26%
- เด็กมัธยม 12-15 ปี กว่า 8%
"ดร.ไกรยส ภัทราวาท" ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวในงาน แถลงข่าวโครงการ “Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน” ผ่านระบบ Zoom โดยระบุว่า โจทย์ที่ท้าทาย โจทย์แรก คือ เราต้องการให้เด็กทุกคนกลับเข้าระบบการศึกษา จากข้อมูล จ. ราชบุรี พบว่า มีเด็กกว่าหมื่นคนที่ไม่อยู่ในระบบการศึกษาชั้นใดชั้นหนึ่ง ดังนั้น ต้องค้นหาและเอากลับเข้าระบบการศึกษา
โจทย์ข้อสอง คือ กลับเข้ามาแล้ว ทำอย่างไรไม่ให้หลุดซ้ำ ดังนั้น ต้องมีระบบดูแลช่วยเหลือในโรงเรียน โดยสนับสนุนในเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือ สนับสนุนชุมชน ทำงานร่วมกับโรงเรียน สร้างระบบนิเวศ ไม่ให้เด็กหลุดและส่งต่อให้สูงที่สุด
โจทย์ข้อที่สาม ไม่อยากให้เรื่องนี้ เริ่มที่ราชบุรีและจบที่ราชบุรี อยากให้ขยายโมเดล ต้องมีการพัฒนากลไกจังหวัดเพื่อความยั่งยืน ดังนั้น 3 ปีหลังจากความร่วมมือสิ้นสุด จะมีอีกกลุ่มที่ทยอยหลุดออกมาหรือไม่ จำเป็นต้องสร้างกลไกร่วมกับ เอกชนในราชบุรี โดยมีแพลตฟอร์ม ในการระดมทรัพยากรต่อยอดเพิ่มเติม และสร้างนโยบายสาธารณะ ไม่ว่าจะท้องถิ่น และระดับประเทศ สามารถนำไปขยายผลที่อื่นได้เช่นกัน
- เด็กกว่า 1.9 ล้านคน เสี่ยงหลุดระบบ
ดร.ไกรยส กล่าวต่อไปว่า ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ของไทยเรามีต้นทุนเดิมตั้งแต่ก่อนโควิด เรามีเยาวชนกลุ่มเสี่ยงในวัยเรียนปฐมวัยถึงมัธยมศึกษากว่า 1.9 ล้านคน แต่เดิมก่อนโควิดก็มีปัญหารายได้น้อย ความขาดโอกาสต่างๆ พอสถานการณ์โควิด ทำให้สร้างความเสี่ยงให้เด็กหลุดออกมาอีก
"เป็นความท้าทายในการทำให้เขากลับเข้าระบบการศึกษา เด็กที่ยังไม่หลุด ต้องเรียนออนไลน์ แต่อุปกรณ์ไม่พร้อม ทำให้เสี่ยงหลุด กสศ. จึงพยายามเป็นกลไกเหนี่ยวนำความร่วมมือ สร้างความร่วมมือทุกภาคส่วน ปวงชนเพื่อการศึกษา เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมได้ โจทย์เรื่องของเด็กนอกระบบ เป็นเรื่องซับซ้อน เด็กมีต้นตอความเหลื่อมล้ำไม่เหมือนกัน ปัจจัยมีความหลากหลายมาก"
- สร้างกลไก ร่วมกันทุกฝ่าย
"ทั้งนี้ กสศ. ทำงานโดยการใช้ข้อมูลรายบุคคลและรีพอร์ตข้อมูลบนเว็บไซต์ ที่ผ่านมา เงินงบประมาณ กสศ. 4,000 - 5,000 ล้านบาทต่อปี ที่ถึงมือเด็ก จะมีการรายงาน โครงการนี้ก็เช่นกัน ทั้งหมดจะเป็นการใช้ระบบสารสนเทศ เรามีการพูดคุยกับมหาวิทยาลัย ผู้ว่าราชการจังหวัด และกลไกในพื้นที่ให้มีส่วนร่วมในตรงนี้ และเงินที่ไปถึงมือเด็ก ต้องมีหลักฐานการรับเงิน ทุกอย่างตรวจสอบได้
- หุ้นกู้ 100 ล้านบาท ลดความเหลื่อมล้ำ
ด้าน "เศรษฐา ทวีสิน" ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยที่มาของโครงการ “Zero Dropout” ว่า ในฐานะภาคเอกชนที่มีลูกหลาน และเห็นถึงปัญหาของการศึกษาไทย ทำอย่างไรให้เป็นส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เมื่อกลางเดือน ธ.ค. 64 มีการพูดคุยกับ กสศ. เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ
"แสนสิริ ทำงานด้านเด็กและเยาวชนร่วมกับยูนิเซฟมากว่า 10 ปี พอบริษัทใหญ่ขึ้น จึงมองว่าควรทำอะไรที่ใหญ่ขึ้น หากประเทศชาติไปได้ สังคมแข็งแกร่ง ธุรกิจก็จะดำเนินหน้าได้ดี การศึกษาไทยมีปัญหา ทางออกทางแก้ค่อนข้างซับซ้อน กสศ. จึงให้ไอเดียว่า แสนสิริในฐานะภาคธุรกิจ มีส่วนร่วมในการช่วยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนได้"
ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท ดอกเบี้ย 3.2%
สำหรับ หุ้นกู้ "แสนสิริ" มูลค่า 100 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.2% รับดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ระดมทุนผ่าน SME Easy app อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ BBB+ ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท เพื่อใช้ในการช่วยเหลือเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษา โดยจะเริ่มขายในวันที่ 15 – 18 ก.พ. 65
"เศรษฐา" กล่าวต่อไปว่า เหตุผลที่เลือก จ.ราชบุรี เป็นจังหวัดนำร่อง เนื่องจาก 100 ล้านบาท อาจไม่เพียงพอในจังหวัดใหญ่ จึงสร้าง ราชบุรีโมเดล เป็นจังหวัดที่มีขนาดเหมาะสม มีข้อกำหนด คือ ต้องเป็นจังหวัดที่แสนสิริไม่มีโครงการอยู่ และเดินทางสะดวกจาก กทม. การมีส่วนร่วมไม่ว่าจะพนักงาน คู่ค้า เป็นสิ่งสำคัญ
"อยากให้ทุกคนเห็นปัญหา ระยะเวลา 3 ปี ปัญหามีการแก้ไข และมีผลสำเร็จ เห็นรอยยิ้มของผู้ปกครอง เป็นแรงบันดาลใจให้ราชบุรีโมเดล กระจายไปยังจังหวัดอื่นๆ ได้ เพื่อนำไปสู่ทั้งประเทศว่าเป็น Zero Dropout”
ทั้งนี้ ประเด็นปัญหาสังคม ในฐานะบริษัทที่มีธุรกิจปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นหน้าที่ของเรา หากช่วยกันได้ก็ต้องช่วย หลายวงการไปไม่ได้หากประเทศไปไม่ได้ หากรากฐานเศรษฐกิจ คือ การศึกษาไม่แข็งแกร่ง เศรษฐกิจก็ไม่ยั่งยืน อย่าเกี่ยงกันทำ อันไหนทำไหวก็ช่วยกัน
"สำหรับเป้าหมายในการขยายในอนาคต หากเศรษฐกิจดีขึ้น มีผลตอบแทนที่ดีขึ้น จะมีการทำงานร่วมกับ กสศ. ว่ามีจังหวัดไหนที่ต้องการความช่วยเหลือต่อไป" เศรษฐา กล่าวทิ้งท้าย