เปิดข้อบ่งชี้ใช้"แพกซ์โลวิด"ยารักษาโควิด 19 รองรับสงกรานต์2565
สธ.รับมอบ "แพกซ์โลวิด" 5 หมื่นคอร์ส ใช้ดูแลผู้ป่วยโควิด19ที่มีอาการเล็กน้อย-ปานกลาง และมีภาวะเสี่ยงเกิดอาการรุนแรง ช่วยลดการนอนโรงพยาบาลและการเสียชีวิต รองรับช่วงสงกรานต์2565ย้ำพร้อมซื้อเพิ่มหากจำเป็น
เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีส่งมอบยาต้านไวรัสโควิด 19 "แพกซ์โลวิด" ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และ นางสาวเด็บบราห์ ไซเฟิร์ท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม และคณะผู้บริหาร เข้าร่วม
นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเข้าถึงยารักษาโควิด 19 ที่มีประสิทธิผล โดยมีข้อมูลทางวิชาการหรือผลการศึกษาวิจัยที่มีคุณภาพเพียงพอในการสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบาย เพื่อพิจารณาเลือกและจัดหายาที่เหมาะสมในการนำมาใช้กับผู้ติดเชื้อโควิด 19 ของประเทศ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้ยาต้านไวรัสรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ได้แก่ ยาฟาวิพิราเวียร์ ยาเรมเดซิเวียร์ ยาโมลนูพิราเวียร์ และยาตัวใหม่ที่กำลังนำมาใช้ คือ ยาแพกซ์โลวิด ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์ ดำเนินการจัดซื้อจัดหาจำนวน 50,000 คอร์สการรักษา โดยลงนามจัดซื้อกับบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา และมีการส่งมอบยาในวันที่ 11 เมษายน 2565 ซึ่งองค์การเภสัชกรรม จะเป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บและกระจายยา
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์การนำเข้ายาแพกซ์โลวิดปริมาณน้อย นายอนุทิน กล่าวว่า รักษาผู้ป่วยโควิดมามากกว่า 2 ล้านคน ผู้ป่วยโควิด19แต่ละท่านมีอาการของโรคแตกต่างกันไป ซึ่งผู้ติดเชื้อตอนนี้ส่วนใหญ่ไม่มีอาการรุนแรง ดังนั้น ยาแต่ละขนานที่แพทย์ให้ ขอให้มั่นใจว่าแพทย์ได้ใช้การวินิจฉัยโรคตามหลักวิชาการทุกอย่าง ต้องไม่ไปแย่ง ต้องไม่ไปบอกแพทย์ว่าต้องกินยาอะไร เป็นคนป่วยต้องเชื่อแพทย์ แพทย์จะให้ยาที่ดีที่สุดกับผู้ป่วย ไม่มีคำว่าขี้เหนียว หรือเก็บรักษายาไว้ให้ใครคนใดคนหนึ่ง ทุกอย่างเป็นไปตามการรักษาโดยดุลยพินิจของแพทย์ และยาทุกชนิดที่นำมาใช้กับผู้ป่วย ทั้งฟาวิพิราเวียร์ เรมเดซิเวียร์ โมลนูพิราเวียร์ หรือ แพกซ์โลวิค แม้กระทั่งยาแก้ไอ แก้ปวด ลดน้ำมูกทั่วไป ยาฟ้าทะลายโจร แพทย์จะใช้ดุลยพินิจ ไม่ใช่ทุกคนจะต้องรับฟาวิพิราเวียร์หรือแพกซ์โลวิดทุกคน ยิ่งไม่ได้รับยิ่งถือว่าสุขภาพที่ดี อาการของโรคไม่รุนแรง จะได้เก็บยาเหล่านี้ไว้รักษาผู้ที่จำเป็น
“ไม่ได้ซื้อแพกซ์โลวิดน้อย ไม่ได้ซื้อครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้าจำเป็นก็สามารถซื้อให้เพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วยได้ ทั้งนี้ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีความสับสนจากการให้ข่าวบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องในการให้ข่าวกับพี่น้องประชาชนในเรื่องการรักษา จึงต้องทำความเข้าใจ อยากให้สื่อมวลชนช่วยสื่อสารให้ชัดเจนว่า กระทรวงสาธารณสุข บุคคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานการแพทย์ทั้งหมดที่ให้การรักษาโควิด ได้ทำทุกอย่างตามแนวทางข้อตกลงทางการแพทย์ มีการกำหนดแนวทางเวชปฏิบัติหรือไกด์ไลน์รักษาผู้ป่วย"นายอนุทินกล่าว
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ที่มีการบอกว่ายาไม่ได้ผลต่อผู้ป่วย ขอความกรุณาประชาชนว่า ข้อมูลที่เป็นทางการต้องมาจากกระทรวงสาธารณสุข ตนเองในฐานะรมว.สธ. ให้ความเคารพต่อความเห็นบุคคลทุกคน ทั้งแพทย์ วิชาการ แต่ข้อมูลกระทรวงสาธาณสุขเป็นทางการ นำมาอ้างอิงได้ และเป็นข้อมูลที่มั่นใจได้ว่าถูกต้อง อะไรไม่ดีก็บอกไม่ดี อะไรที่ดี ที่ใช้ได้ก็บอกว่าใช้ได้ จึงขอให้เชื่อข้อมูลกระทรวงฯ จะได้ไม่ตื่นตระหนกเกินเหตุ
ด้านนพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยในผู้ป่วย 1,379 คน พบว่า ยาแพกซ์โลวิดช่วยลดความเสี่ยงการนอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตลงได้ ร้อยละ 88 เมื่อผู้ป่วยได้รับยาภายใน 5 วันนับตั้งแต่เริ่มมีอาการ โดยกลุ่มที่ให้ยาแพกซ์โลวิด มีการนอนโรงพยาบาล ร้อยละ 0.77 และไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนกลุ่มที่ได้รับยาหลอก มีผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล ร้อยละ 6.31 และมีผู้เสียชีวิต 13 คน ถือว่ามีประสิทธิผลสูง ซึ่งยาแพกซ์โลวิด 50,000 คอร์สที่ส่งมอบครั้งนี้ จะนำไปใช้รักษาผู้ติดเชื้อโควิด 19 ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีความเสี่ยงเกิดอาการรุนแรง เช่น คนอายุมากกว่า 60 ปี มีภาวะอ้วน เป็นเบาหวาน เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นโรคไตเรื้อรัง ภูมิต้านทานร่างกายต่ำ เป็นต้น เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตหรือการรักษาตัวในโรงพยาบาล
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า กรมการแพทย์ได้เริ่มเจรจาจัดซื้อยาแพกซ์โลวิดกับบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 ตามกระบวนการขั้นตอนต่างๆ จนมีการตรวจรับและส่งมอบยาในวันนี้ เพื่อให้สามารถนำยาดังกล่าวไปใช้รักษาผู้ป่วยโควิด 19 ได้ทันในช่วงเดือนเมษายน เป็นการเตรียมความพร้อมรับมือการระบาดของโรคโควิด 19 หลังจากเทศกาลสงกรานต์ที่คาดว่าอาจจะมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น โดยมีองค์การเภสัชกรรม ทำหน้าที่จัดเก็บและกระจายยาไปยังสถานพยาบาลต่างๆ
ทั้งนี้ ยาแพกซ์โลวิดเป็นยาต้านไวรัสชนิดเม็ด ออกฤทธิ์โดยยับยั้งเอนไซม์โปรตีเอส (protease) ทำให้เชื้อไวรัสโควิดไม่สามารถสร้างโปรตีนที่จำเป็นต้องใช้ในการเพิ่มจำนวนได้ ยานี้ประกอบด้วย ยา Nirmatrelvir (150 มก.) จำนวน 2 เม็ด และยา Ritonavir (100 มก.) จำนวน 1 เม็ด รับประทานวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน รวมใช้ Nirmatrelvir 20 เม็ด และ Ritonavir 10 เม็ดต่อคนต่อคอร์สการรักษา กลุ่มที่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง คือ สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร ผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม ผู้ที่การทำงานของตับหรือไตบกพร่อง รวมถึงผู้ที่ใช้ยาบางชนิดที่