ผลิตภัณฑ์กัญชง 0.999% "บูเดอโลน" ช่วยคนเป็นสิว เพิ่มมูลค่าตลาดความงาม

ปัจจุบัน “กัญชง” มีมูลค่าการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึง 2 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 700% ขณะที่มูลค่าทางการตลาดจากทั่วโลกในปี 2022 สูงถึง 4.75 พันล้านดอลล่าสหรัฐ และคาดว่าในปี 2027 ผลิตภัณฑ์จากพืชกลุ่มกัญชงทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 18,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 21.6 % ต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

โดยสารสำคัญที่ทำให้กัญชงเป็นที่จับตามองจากทั่วโลกคือ คุณสมบัติของ CBD (CANNABIDIOL) ซึ่งเป็นหนึ่งในสารสกัดที่พบในกัญชงที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพซึ่งในต่างประเทศ CBD ยังถูกนำมาเป็นส่วนประกอบของยารักษาสะเก็ดเงินอีกด้วย

รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด ที่ปรึกษา บริษัท ดับบลิว พี ไซเอนซ์ จำกัด (WP Science) และ นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีภัณฑ์ ให้ข้อมูลว่า กัญชงเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่สามารถนำส่วนประกอบของต้นมาต่อยอดเป็นสินค้าได้หลายชนิด ทั้งอาหารคนและสัตว์ เครื่องสำอาง เครื่องดื่ม สิ่งทอ ยา และเครื่องใช้ต่าง ๆ โดยในต่างประเทศโซน สหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น มีการนำกัญชงมาใช้ประโยชน์มากว่า 20 ปี

 

ขยายตลาดความงาม เสริมรายได้เกษตรกรไทย

สำหรับประเทศไทยรัฐบาลมีนโยบายปลดล็อคกัญชงในปี 2564 ทำให้ธุรกิจกัญชงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และเกิดการคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารสกัดจากกัญชงอย่าง CBD เพิ่มมากขึ้น

เพราะนอกจากคุณสมบัติที่ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์แล้ว ยังมีความโดดเด่นในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางอย่างสารต่อต้านอนุมูลอิสระ การป้องกันแบคทีเรียสาเหตุของการเกิดสิว และปกป้องผิวจากมลภาวะและแสงแดด ช่วยเพิ่มคอลลาเจน และฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน ทำให้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ CBD เป็นสินค้าที่ขายดีทั่วโลก

“ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นของ CBD จึงเป็นที่มาของการคิดค้นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับคนเป็นสิวที่มีส่วนผสมของสารสกัด CBD บริสุทธิ์ 99.98 % สูงถึง 0.999 % ภายใต้ชื่อ บูเดอโลน พิบู ซีบีดี แอคเน่ อะควา มาส์ก เจล ซึ่งนับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ในกลุ่มผู้ใช้ CBD สูงสุด และยังเป็นเจ้าแรกที่ใช้ CBD เต็มแม็กซ์สูงสุดตามที่กฎหมายกำหนดให้ใส่ได้ไม่เกิน 1% เราจึงมั่นใจว่าเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทยที่สามารถผลิต CBD ได้ในปริมาณที่สูง ซึ่งราคาของ CBD ในไทยก็สูงถึง 300,000 - 1,000,000 บาท/กก. ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์”

นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีภัณฑ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สารสกัด CBD ในส่วนผสมดังกล่าวได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน GHPs/HACCP ด้านสารสกัดจากกัญชงและมาตรฐานสากล (GLOBAL G.A.P.) ด้านการปลูก ซึ่งบูเดอโลนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมและสร้างรายได้แก่เกษตรกรไทย

 

 

• ดันงานวิจัยกัญชง สู่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางตั้งเป้ายอดขายเพิ่ม

ปัจจุบัน WP Science มี contact farming ครอบคลุมพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ ใน 6 จังหวัด ได้แก่ ลำพูน สกลนคร ศรีสะเกษ ชลบุรี สุราษฎร์ธานีและนครปฐม ซึ่งพื้นที่ 1 ไร่ ปลูกกัญชงได้ 1,000 ต้น และสารมารถสกัด CBD Isolate 99% ได้ในปริมาณ 54 กก./ปี และมีราคาเฉลี่ย 100,000 บาท/กก. ขึ้นอยู่กับ Rate ราคาในแต่ละช่วงเวลา ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกกัญชงมีรายได้เฉลี่ยอย่างน้อย 5,400,000 บาท/ปี/ไร่

“ในปี พ.ศ. 2568 เราตั้งเป้าสร้างเม็ดเงินจากผลิตภัณฑ์ CBD จำนวน 15,000 ล้านบาท จากสินค้า 5 กลุ่มเป้าหมายทั้งเครื่องสำอาง เครื่องดื่ม ยา อาหารคนและอาหารสัตว์สัตว์ โดยส่งออกกว่า 53 ประเทศทั่วโลก เมื่อความต้องการใช้ CBD เพิ่มสูงขึ้น นี่จึงเป็นโอกาสดีในการสร้างรายได้ทั้งเจ้าของธุรกิจและเกษตรกรผู้ปลูกกัญชง” รศ.ดร.วีรชัย กล่าว

จากงานวิจัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทำให้มั่นใจได้ว่าสารสกัด CBD จะช่วยผลักดันให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจที่โกยรายได้เข้าประเทศได้อย่างมหาศาล ซึ่งการผลิต CBD ได้เองนับเป็นข้อได้เปรียบที่เราสามารถควบคุมคุณภาพและปริมาณการใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้บริโภคจะได้ประโยชน์สูงสุดเพราะได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ CBD เข้มข้นในราคาถูก

ด้านคุณเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร - ดีเจเคนโด้ CEO บูเดอโลน พิบู ซีบีดี แอคเน่ อะควา มาส์ก เจล ย้ำถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ว่า บูเดอโลนเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องสำอางเจ้าแรกของประเทศไทยที่ใช้สารสกัด CBD สูงถึง 0.999% จึงทำให้การฟื้นฟูผิวมีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดการอักเสบของสิวผด สิวอุดตัน สิวอักเสบ ควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน และช่วยลดเลือนริ้วรอยให้ดูจางลง

ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพผิวได้ทุกวัย แต่อยู่ในราคาที่ผู้บริโภคจับต้องได้เพียง 329 บาท ซึ่งจากการทดลองใช้มากกว่า 1,000 ตัวอย่าง พบว่ามากกว่า 97% ให้ผลลัพธ์พึงพอใจ และจากการเปิดรับออเดอร์ใน 14 วัน สร้างยอดขายได้ถึง 30,000 หลอด

นอกจากนี้ยังได้นักการตลาดมืออาชีพผู้คร่ำหวอดในวงการมากว่า 20 ปี อย่างคุณปิยะนันท์ ทิมโพธิ์กลาง - แหม่ม มาร่วมนำแบรนด์บูเดอโลนบุกตลาดเมืองไทย ในรูปแบบตัวแทนจำหน่าย โดยตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 65 และดันธุรกิจสู่ 1,000 ล้านบาทในปีถัดไป