“สามารถ” มั่นใจธุรกิจฟื้นตัวปี 65 -เล็งลุย NFT ตลาดสะสมของเก่าคาดเห็นปีนี้!
สามารถ ลุยดิจิทัลเทิร์นอะราวด์ องค์กร มั่นใจจับเทรนด์ตลาดได้ครบถ้วน พร้อมคลอด NFT-Token รับกระแสบูม ส่วนงานรับเหมาติดตั้งภาครัฐเชื่อส่งมอบงานได้ตามกำหนด คาดปีนี้ธุรกิจกำลังฟื้นตัว
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มสามารถในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 นับว่าเป็นไปตามคาด โดยมีผลงานเด่น คือ การติดตั้งและส่งมอบโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้าประเภทสุราแช่ชนิดเบียร์ ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศ ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวม 8,000 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเริ่มให้บริการพิมพ์รหัสควบคุมบนบรรจุภัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. เป็นต้นมา ทำให้บริษัทเริ่มทยอยรับรู้รายได้
โดยในปีนี้จะมีรายได้ทั้งสิ้นประมาณ 600 ล้านบาท ในขณะที่สายธุรกิจยู-ทรานโดยเฉพาะคือ บริษัท แคมโบเดีย แอร์ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด หรือ CATS ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการเดินอากาศ โดยได้รับสัมปทานรวมระยะเวลาทั้งสิ้น 39 ปี ตั้งแต่ปี 2545 จนถึงปี 2584 หลังจากหลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณเปิดประเทศแล้ว ส่งสัญญาณบวกของการฟื้นตัวอย่างชัดเจน จากจำนวนเที่ยวบินในไตรมาสแรกที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 38% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน
ส่วนสายธุรกิจไอซีทีก็มีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นเช่นกัน โดยในปีนี้เราตั้งเป้าชนะโครงการประมาณ 11,000 ล้านบาท แค่เฉพาะไตรมาสแรก มีการเซ็นต์สัญญาใหม่ไปแล้ว มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท ส่งผลให้มีโครงการรับรู้ในมือ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาสแรกสูงถึง 8,000 ล้านบาท
เขา กล่าวว่าสายธุรกิจสามารถ ดิจิทัล (เอสดีซี) ได้กระจายความเสี่ยงและสร้างสมดุลย์ให้กับพอร์ตธุรกิจด้วย 2 สายธุรกิจ คือดิจิทัล ทรังค์ เรดิโอ ซิสเต็มส์ (ดีทีอาร์เอส) เน้นสร้างรายได้ประจำจากค่าใช้บริการรายเดือนและค่าเช่าเครื่องลูกข่าย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้บริการจาก 2 หน่วยงาน คือกระทรวงมหาดไทย และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 85,000 เครื่องคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 115,000 เครื่องในสิ้นปีนี้ อีกหนึ่งธุรกิจ คือ ดิจิทัล คอนเทนต์ และ เซอร์วิส ส่งตรงคอนเทนต์ และบริการสายมู ดูดวง สายกีฬา
สำหรับภาพรวมของกลุ่มธุรกิจทั้งหมด มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยงข้อง กับการเปิดประเทศและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยตั้งเป้าหมายได้งานโครงการใหม่ในปี นี้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งในไตรมาสแรกที่ผ่านมาเซ็นสัญญาไปแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท ส่งผลให้สิ้นไตรมาสแรกมียอดขายที่รอรับรู้รายได้แล้ว 8,000 ล้านบาท ทำให้เมื่อถึงสิ้นปีนี้คาดว่ากลุ่มสามารถจะมีรายได้รวมทั้งสิ้น 14,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่มีรายได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมองโอกาสขยายไปยังธุรกิจใหม่ๆ เช่น การรุกสู่ Non-Fungible Token (NFT) โดยจะเข้าไปจับตลาดนักสะสมของโบราณระดับโลก หรือ Sport Moment NFT ที่ยังไม่มีใครทำมาก่อน คาดว่า จะเห็นความชัดเจนได้ภายไตรมาส 2 ปีนี้
"เป็นการหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และมองว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ คนไทยมากว่า 80% สนใจในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดูดวงและการทำบุญ จึงนำเรื่องนี้มาประยุกต์ให้เข้ากับไลฟ์ไตล์ของคนในยุคดิจิทัล นอกจากนี้ยังสามารถขายตลาดไปยังชาวต่างชาติที่สนใจเรื่องนี้ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นคนจีน ฮ่องกง และในอาเซียน อย่างมาเลเซียและสิงค์โปร์ฯลฯ ถือเป็นการขยายโอกาสจากบริการดูดวงผ่านโทรฯ 1900 ที่มีคนใช้บริการน้อยลง”