‘Microsoft’ ผู้ชนะศึกชิงผู้พัฒนา ChatGPT จุดเปลี่ยน หนุนบริษัทโต To The Moon!
เผย “จุดแข็ง” ของ “Microsoft” ที่มีระบบนิเวศ IT อันยิ่งใหญ่ หากได้พนักงานระดับมันสมองที่แห่ลาออกจาก OpenAI มาร่วมงาน ก็เป็นโอกาสทองที่ช่วยให้ Microsoft เป็นดั่ง “เสือติดปีก” ต่อยอดการเติบโตให้ก้าวกระโดด
Key Points
- พนักงาน OpenAI 747 คน ซึ่งคิดเป็นราว 95% ของพนักงานทั้งหมด ขู่ลาออกตามอัลท์แมน พร้อมยื่นหนังสือถึงบอร์ดบริหารเรียกร้องให้บอร์ดชุดปัจจุบันลาออก
- ในปัจจุบัน “ระบบปฏิบัติการ Windows” ครองส่วนแบ่งตลาดสำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะมากถึงราว 70%
- เมื่อจับ AI ที่สามารถบริหารข้อมูลในปริมาณมหาศาลได้อย่างรวดเร็วมาใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ Microsoft ก็ทำให้ Microsoft กลายร่างดั่ง “เสือติดปีก”
ในการแข่งขันปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ Microsoft บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐ แม้จะถือหุ้นใหญ่ที่สุดในบริษัท OpenAI ซึ่งเป็นเจ้าของแชตบอต ChatGPT และลงทุนเงินจำนวนมากหลายพันล้านดอลลาร์ แต่กลับไม่สามารถกำหนดทิศทางบริษัทได้ตามโครงสร้าง OpenAI ที่กำหนดไว้ว่า อำนาจควบคุมให้อยู่ที่บอร์ดบริหารแทน
แต่ “โอกาสทอง” ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อบอร์ดบริหารซึ่งเป็นคนนอกบริษัท OpenAI เป็นส่วนใหญ่ ตัดสินใจปลดผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง แซม อัลท์แมน (Sam Altman) ออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) อย่างกะทันหัน จนจุดกระแสความไม่พอใจในหมู่นักลงทุน และผู้ใช้งาน ChatGPT จำนวนไม่น้อย
- ChatGPT ซึ่งพัฒนาโดยพนักงาน OpenAI (เครดิต: AFP) -
ยิ่งไปกว่านั้น พนักงาน OpenAI 747 คน ซึ่งคิดเป็นราว 95% ของพนักงานทั้งหมด ยื่นหนังสือถึงบอร์ดบริหาร เรียกร้องให้บอร์ดลาออก และคืนตำแหน่งซีอีโอให้อัลท์แมนเหมือนเดิม มิฉะนั้น พนักงานจะลาออกตามอัลท์แมนไป และที่น่าสนใจ คือ อิลยา ซัตสกีเวอร์ (Ilya Sutskever) หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ OpenAI ที่อยู่ในบอร์ดได้ร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกนี้ด้วย นั่นหมายความว่า ถ้าพวกเขาลาออกก็จะทำให้ OpenAI แทบไม่เหลือนักพัฒนาด้าน AI อีกเลย
- จดหมายขู่ลาออกตามของเหล่าพนักงาน OpenAI หากบอร์ดชุดปัจจุบันไม่คืนตำแหน่งซีอีโอให้อัลท์แมน -
อย่างไรก็ตาม บอร์ดบริหารชุดปัจจุบันกลับเลือกยืนยันคำเดิม และเตรียมจ้าง เอ็มเมตต์ เชียร์ (Emmett Shear) อดีตซีอีโอของเว็บสตรีมเกม Twitch ขึ้นเป็น “ซีอีโอถาวร” แทนอัลท์แมน
เมื่อเป็นเช่นนั้น เหล่าคนสมองเพชรไม่ว่าจะเป็นอัลท์แมน, เกร็ก บร็อคแมน (Greg Brockman) ผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI, มิร่า มูราติ (Mira Murati) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี และเกือบทั้งบริษัท OpenAI อาจยกทีมไปร่วมกับ Microsoft ที่พร้อมอ้าแขนรับเต็มที่ จึงส่งผลให้ราคาหุ้น Microsoft ทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 378.81 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 20 พ.ย.66
“Microsoft ได้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสด้วยการจ้างอัลท์แมน และบร็อคแมนจาก OpenAI” จิล ลูเรีย (Gil Luria) นักวิเคราะห์อาวุโสด้านซอฟต์แวร์ของบริษัทการลงทุน D.A. Davidson กล่าว
- จุดแข็ง Microsoft ในการต่อยอดอดีตพนักงาน OpenAI
สำหรับ “Microsoft” ถือเป็นบริษัทที่มีระบบนิเวศใหญ่มาก เข้าถึงผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล โดย Microsoft สามารถนำจุดแข็ง AI ที่สามารถตอบคำถาม และแก้ปัญหาต่างๆ คล้ายมนุษย์มาใส่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัทได้
ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการในคอมพิวเตอร์ เปิดจอขึ้นก็จะเห็นโลโก้ Windows XP, Windows 7 และล่าสุด Windows 11 ในเครื่องส่วนใหญ่ ซึ่งข้อมูลจากบริษัทสถิติ Statista ระบุว่า ในปี 2566 “ระบบปฏิบัติการ Windows” ครองส่วนแบ่งตลาดสำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะมากถึงราว 70%
เท่านั้นยังไม่พอ โปรแกรมที่หลายคนเลือกใช้เมื่อต้องพิมพ์งานส่งอาจารย์ เขียนบทความ เขียนข่าว นำเสนองาน คำนวณบัญชี ร่างงบการเงิน ทำฐานข้อมูล ฯลฯ มักจะหนีไม่พ้น “Microsoft Office” ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 1,000 ล้านคนไปแล้ว
ในส่วนเว็บเสิร์ชเอนจิน Bing ของ Microsoft ข้อมูล Statista ปี 2566 ระบุว่า Bing ครองสัดส่วนผู้ใช้งาน 9.19% ส่วน Google ครองสัดส่วนผู้ใช้งาน 83.49% แม้มีจำนวนผู้ใช้งานสู้ Google ไม่ได้ แต่การได้ผู้พัฒนา ChatGPT เข้ามา ก็สามารถทำให้การค้นหาแบบเดิม เปลี่ยนเป็นการค้นหาแบบ AI แทนที่ทรงพลังมากขึ้น และช่วยดึงดูดผู้ใช้งานให้เข้ามาใน Bing ไม่น้อย
นอกจากนั้น ข้อมูลงานต่างๆ เมื่อก่อนมักเก็บไว้ในแฟลชไดรฟ์ แต่การเข้ามาของระบบคลาวด์ (Cloud) ทำให้สามารถฝากไฟล์บนนี้แทนได้ อีกทั้งการสร้างระบบฐานข้อมูล ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ เซิร์ฟเวอร์ ที่เก็บข้อมูลต่าง ๆ ที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการก่อสร้าง และวางเครือข่ายดังกล่าว การเกิดขึ้นของคลาวด์ช่วยให้ผู้ใช้งานจ่ายเพียงค่าธรรมเนียมในการเช่าบริการแทน และสามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่ ขอเพียงมีอินเทอร์เน็ต ซึ่งปัจจุบัน “Microsoft Azure” ให้บริการด้านนี้ด้วย
ด้วยเหตุนี้ เมื่อจับ AI ที่สามารถบริหารข้อมูลในปริมาณมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว มาใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ Microsoft เหล่านี้แล้ว ก็อาจจะทำให้ Microsoft หนึ่งในเสือตัวฉกาจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโลก กลายร่างเป็น “เสือติดปีก” และสนับสนุนการเติบโตของบริษัทต่อไปอีกหลายขั้นในอนาคตอันใกล้นี้
อ้างอิง: ft, business, statista, statis, financial, reuters
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์