‘Microsoft’ จะพลิกโฉมไปอย่างไร เมื่อเกิดปุ่ม ‘Copilot’ ขึ้นในรอบ 30 ปี

‘Microsoft’ จะพลิกโฉมไปอย่างไร เมื่อเกิดปุ่ม ‘Copilot’ ขึ้นในรอบ 30 ปี

เปิดอานุภาพของ “ปุ่ม Copilot” ปุ่มคีย์บอร์ดใหม่ในรอบ 30 ปี ที่จะพลิกโฉมผลิตภัณฑ์ Microsoft ให้เป็นดัง “ผู้ช่วย” หรือ “เลขาส่วนตัว” ของมนุษย์

Key Points

  • Copilot เป็นปุ่มใหม่บนคีย์บอร์ดที่ Microsoft เพิ่มขึ้นมาในรอบ 30 ปีนับตั้งแต่การเพิ่มปุ่ม Windows มาในปี 2537
  • ปุ่ม Copilot สามารถเปิดใช้งานใน Windows ได้ เพียงมี Windows 11 พร้อมอัปเดตให้ถึงเวอร์ชันล่าสุดอย่าง 23H2 ก็ใช้งานได้แล้วโดยไม่ต้องมีปุ่มคีย์บอร์ดใหม่แต่อย่างไร
  • สำหรับบริการ Microsoft 365 Copilot เริ่มเปิดให้ “ลูกค้าองค์กร” ใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา โดยมีค่าบริการอยู่ที่ 30 ดอลลาร์หรือราว 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน


เปิดศักราชใหม่สำหรับ “Microsoft” บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐได้เตรียมใส่ปุ่ม Copilot ลงในคีย์บอร์ดใหม่ซึ่งรวมไปถึงในแท็บเล็ต Microsoft Surface รุ่นใหม่ด้วย ตอกย้ำว่า Microsoft ได้เข้าสู่ยุคใหม่ “ยุคแห่งปัญญาประดิษฐ์” (AI ERA) แล้ว โดย ปุ่ม Copilot เป็นปุ่มใหม่ในรอบ 30 ปีของคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ นับตั้งแต่การเพิ่มปุ่ม Windows เข้ามาในปี 2537 

‘Microsoft’ จะพลิกโฉมไปอย่างไร เมื่อเกิดปุ่ม ‘Copilot’ ขึ้นในรอบ 30 ปี

  • Copilot ผู้ช่วยงานดั่งใจหมาย

คำว่า “Copilot” ดูคล้ายกับคำว่า Co-pilot ที่หมายถึง “นักบินผู้ช่วย” หากนักบินหลักเกิดป่วยฉุกเฉินหรือเป็นลม นักบินผู้ช่วยจะเข้ามาทำหน้าที่แทน ปุ่มใหม่ของ Microsoft นี้จึงเปรียบดั่งนักบินผู้ช่วยที่คอยช่วยงานได้หลายประการ ตัวอย่างเช่น

หากต้องการสร้างรูปสุดแปลกให้ได้อย่างใจคิด เพียงกดปุ่ม Copilot และพิมพ์ข้อความลงไปว่าต้องการสร้างรูปแบบใด เช่น สร้างรูปหมูบินบนน้ำแข็งที่ลอยอยู่ในอวกาศ เจ้าตัว AI นี้ก็จะประมวลผลสักครู่และเผยภาพสุดล้ำออกมา เราต้องการปรับแต่งอะไรเพิ่ม ก็พิมพ์ความต้องการลงไป AI ก็จะจัดการให้

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อท่องเว็บผ่านเบราว์เซอร์  Microsoft Edge เพียงกดปุ่ม Copilot อันเดียว จะมีให้เลือกสรุปหรือย่อเนื้อหาที่อ่านได้ อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับการสั่งงานด้วยเสียง การสั่งให้จัดระเบียบหน้า Windows การปรับหน้าต่างให้เข้าสู่โหมดมืด

ตัวอย่างเหล่านี้มาจากการกดเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น เรียกได้ว่า Microsoft รวมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไว้ในจุดเดียว

สำหรับคีย์บอร์ดของใครที่ยังไม่มีปุ่มนี้ก็ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะปุ่ม Copilot สามารถเปิดใช้งานใน Windows ได้โดยการคลิกเรียกที่แถบ Taskbar เพียงมี Windows 11 พร้อมอัปเดตให้ถึงเวอร์ชันล่าสุดอย่าง 23H2 ก็ใช้งานได้แล้วโดยไม่ต้องมีปุ่มคีย์บอร์ดใหม่แต่อย่างไร

การเปิดใช้งานก็เพียงเปิด Windows Settings > Personalization > Taskbar และเปิดใช้งาน Copilot เท่านี้ก็เรียบร้อย

‘Microsoft’ จะพลิกโฉมไปอย่างไร เมื่อเกิดปุ่ม ‘Copilot’ ขึ้นในรอบ 30 ปี

‘Microsoft’ จะพลิกโฉมไปอย่างไร เมื่อเกิดปุ่ม ‘Copilot’ ขึ้นในรอบ 30 ปี - Copilot ที่แถบ Taskbar (เครดิต: Microsoft) -

  • AI ผู้ช่วยยังตามมาใน Microsoft 365 ด้วย

นอกจากในระบบปฏิบัติการ Windows แล้ว Microsoft ยังใส่ฟังก์ชัน Copilot ใน Microsoft 365 ซึ่ง Microsoft 365 รวมตั้งแต่ Microsoft Office โปรแกรมสำนักงาน, Microsoft Teams ซอฟต์แวร์เพื่อการสื่อสารทางธุรกิจ, Microsoft OneDrive ซอฟต์แวร์เพื่อการจัดเก็บไฟล์, Microsoft Streams ซอฟต์แวร์ในการจัดการและตัดต่อวิดีโอ, Power Automate ซอฟต์แวร์สร้างระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ ฯลฯ โดยซอฟต์แวร์เหล่านี้ล้วนมีฟังก์ชัน Copilot เข้ามาช่วย

อาทิ ใน Microsoft Word ฟังก์ชัน Copilot ช่วยสร้างแบบร่างเอกสารและจัดรูปแบบย่อหน้า ส่วนใน PowerPoint ช่วยสร้างงานสไลด์นำเสนอตามเอกสาร Word และใน Outlook ช่วยคัดแยกรายการอีเมลและสร้างข้อความตอบกลับต่าง ๆ เป็นต้น

สำหรับบริการ Microsoft 365 Copilot เริ่มเปิดให้ “ลูกค้าองค์กร” ใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อ 1 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา โดยมีค่าบริการอยู่ที่ 30 ดอลลาร์หรือราว 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน ส่วนการรองรับภาษาไทยนั้นอาจรออีกระยะเวลาหนึ่ง

  • AI ผู้ช่วยที่ไม่ได้มีเพียง Copilot

นอกจากฟังก์ชัน Copilot แบบ AI แล้ว ในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ของ Windows ยังมีการนำ AI ลักษณะอื่น ๆ เข้ามาใช้ด้วย เช่น Paint เวอร์ชันใหม่ มี AI ที่ช่วยลบภาพพื้นหลังที่ไม่ต้องการ พร้อมสามารถสอดแทรกพื้นหลังใหม่แบบภาพวาด ภาพสเกต ภาพเบลอ หรือภาพสีน้ำมันแทนได้อย่างง่ายดาย

- เครื่องมือแคปหน้าจอ Snipping Tool ตัว AI สามารถดึง “เฉพาะข้อความ” จากรูปภาพออกมาใช้งานต่อ หรือแม้แต่คลุมดำทับข้อความที่ต้องการให้เป็นความลับก็ทำได้

- แอปฯ Photos สามารถปรับแต่งภาพต่าง ๆ ด้วยการทำภาพหน้าชัดหลังเบลอ และค้นหาภาพถ่ายจากคลังระบบคลาวด์ OneDrive ตามที่อยู่และข้อความกำกับด้วยพลัง AI นี้

- แอปฯ ตัดต่อวิดีโอ Clipchamp สามารถตัดต่อคลิป ลำดับเรื่องราวจากภาพและวิดีโอแบบอัตโนมัติที่พร้อมแชร์ต่อได้ทันที

  • เสิร์ชเอ็นจิน Bing ที่เสริมพลังค้นหาด้วย AI

ในการค้นหาข้อมูล Microsoft ได้นำ AI ของบริษัท OpenAI ผู้ผลิต ChatGPT มาใช้ในการประมวลผลค้นหาของเสิร์ชเอ็นจิน Bing ด้วย เพื่อทำให้ผู้ใช้พบผลการค้นหาได้เร็วและตรงจุดมากขึ้น อีกทั้งฟังก์ชัน AI ยังเปิดให้ผู้ใช้รังสรรค์รูปวาดโดย AI ในเวลาเพียงไม่ถึงนาทีได้อย่างสวยงาม

ตัวอย่างข้างต้นเหล่านี้ จะเห็นได้ว่า บริษัท Microsoft ได้นำความสามารถของ AI มาใส่ในเกือบทุกผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เพื่อทำให้การใช้งานของลูกค้าได้รับความสะดวกและรวดเร็วให้มากที่สุด จึงทำให้สินค้า Microsoft ไม่ใช่เป็นเพียงผลิตภัณฑ์อีกต่อไป แต่เป็นเหมือน “ผู้ช่วย” อีกคนที่มนุษย์อาจขาดไม่ได้ก็เป็นได้

อ้างอิง: reuterswindowsmicrosoftenthevergebloomberg