ปี 2025 โลกที่มี AI จะเปลี่ยนไปอย่างไร? 6 คำทำนายจากซีอีโอ Hugging Face

ปี 2025 โลกที่มี AI จะเปลี่ยนไปอย่างไร? 6 คำทำนายจากซีอีโอ Hugging Face

Clem Delangue ซีอีโอ Hugging Face เผย 6 จุดเปลี่ยนเอไอปี 2025 สังคมตื่นตัว ธุรกิจปรับตัว หุ่นยนต์ส่วนตัว จีนผู้นำเอไอ เกิดนวัตกรรมวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ ตลอดจนเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ

เคลม เดอลองก์ (Clem Delangue) ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ฮักกิ้ง เฟซ (Hugging Face) สตาร์ตอัปด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) สัญชาติฝรั่งเศส-อเมริกันที่ตั้งอยู่ในนิวยอร์ก ได้คาดถึง สถานการณ์ของเอไอที่จะเปลี่ยนไปในปี 2025 โดยแบ่งเป็น 6 ข้อ ดังนี้

1. สังคมตื่นตัว (AI Awareness) คนจะเริ่มออกมาประท้วงและพูดถึงเรื่องเอไอมากขึ้น เพราะมีความเป็นกังวลทั้งแง่ของการกำกับใช้งาน ตลอดจนกลัวว่าเอไอจะมาแย่งงาน 

2. ธุรกิจปรับตัว (Business Transformation) เนื่องจากเอไอสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางธุรกิจ หลายบริษัทได้นำเอไอมาใช้งาน หากบริษัทไหนไม่ปรับตัวตามเทคโนโลยีใหม่ อาจเผชิญความเสี่ยงจนมูลค่าตลาดลดลง

3. หุ่นยนต์ส่วนตัว (Personal Robotics) คาดว่าจะมีการสั่งจองหุ่นยนต์ส่วนบุคคลมากกว่า 100,000 ตัว ราวกับว่ามีหุ่นยนต์ติดบ้านเป็นเรื่องธรรมดา

4. จีนผู้นำเอไอ (China's AI Leadership) จีนมีแนวโน้มจะนำในการแข่งขันเอไอ โดยเฉพาะในด้านเอไอแบบเปิดเผยรหัส (Open-source LLMs) 

5. นวัตกรรมวิทยาศาสตร์ (Scientific Innovation) คาดว่าจะเกิดความก้าวหน้าสำคัญในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์สำหรับชีววิทยาและเคมี ซึ่งอาจนำไปสู่การค้นพบ โดยเฉพาะการค้นพบยาใหม่ การจำลองโมเลกุล และการทำนายปฏิกิริยาทางเคมี ซึ่งสามารถย่นระยะเวลาการวิจัยจากหลายปีเหลือเพียงไม่กี่เดือน

6. เศรษฐกิจเติบโต (Economic Growth) คาดการณ์ว่าจะเริ่มเห็นศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยมีนักพัฒนาปัญญาประดิษฐ์บนแพลตฟอร์ม Hugging Face ประมาณ 15 ล้านคน

ในปี 2024 ที่ผ่านมา วงการเอไอ เผชิญกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงหลายประการ บริษัทเอไอหลายแห่งที่เคยได้รับความสนใจและมีการระดมทุนจำนวนมหาศาลเริ่มประสบปัญหาทางธุรกิจ บางบริษัทถึงกับต้องปิดกิจการหรือถูกซื้อกิจการในราคาที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ยกตัวอย่างเช่น Inflexion และ AdeptAI 

ในทางกลับกัน ก็มีโมเดลปัญญาประดิษฐ์แบบโอเพ่นซอร์สใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น QwQ และอื่นๆ อีกหลายโมเดลที่สามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับโมเดลแบบปิดที่มีประสิทธิภาพสูง และการเกิดขึ้นของสื่อที่สร้างโดยเอไอเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น NotebookLM ของ Google ที่สามารถสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ 

ความท้าทายสำคัญที่เดอลองก์เน้นย้ำ คือ ความจำเป็นในการกำกับดูแลอย่างมีจริยธรรม การปกป้องความเป็นส่วนตัว และการสร้างความตระหนักรู้ให้กับสังคมเกี่ยวกับผลกระทบของเทคโนโลยีนี้

เพิ่มเติมข้อมูลเกี่ยวกับ Hugging Face

Hugging Face ก่อตั้งในปี 2016 โดย เคลม เดอลองก์ และทีมงาน เริ่มต้นจากแพลตฟอร์มแชตบอตปัญญาประดิษฐ์ แต่ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งรวมโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีนักพัฒนากว่า 7 ล้านคนใช้งานแพลตฟอร์ม 

นอกจากนี้ Hugging Face สามารถระดมทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google, Amazon, Nvidia และ Salesforce ได้มากกว่า 235 ล้านดอลลาร์ ทำให้บริษัทมีมูลค่าสูงถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์ แม้ว่าบริษัทจะไม่ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่เอง แต่กลับทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สที่รวบรวมโมเดลเอไอ โค้ด และชุดข้อมูลกว่า 500,000 โมเดล พร้อมให้นักพัฒนาแชร์และใช้งานร่วมกัน

ความสำเร็จของ Hugging Face สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของระบบโอเพ่นซอร์สในยุคปัญญาประดิษฐ์ โดยปัจจุบันบริษัทต่างๆ ต้องการสร้าง Generative AI เป็นของตัวเอง ทำให้แพลตฟอร์มเช่น Hugging Face กลายเป็นแหล่งทรัพยากรที่ทรงคุณค่า

 

 

อ้างอิง: linkedin และ cnbc