‘เอปสัน’ มุ่งสู่ ‘นิวเอสเคิร์ฟ’ ดันรายได้โตสวนกระแสไอที

‘เอปสัน’ มุ่งสู่ ‘นิวเอสเคิร์ฟ’ ดันรายได้โตสวนกระแสไอที

ยักษ์พรินเตอร์ “เอปสัน” ใส่เกียร์ลุยอุตสาหกรรมไอทีไทยปี 2562 ชู 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ความเร็วสูง พรินเตอร์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม เลเซอร์โปรเจคเตอร์ และหุ่นยนต์แขนกล ปั้น “นิวเอสเคิร์ฟ” ดันรายได้เติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 5 ปี

ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการ บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอปสันประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่เฟสใหม่ของวงจรธุรกิจ หรือ S-Curve ใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องไปอีกไม่น้อยกว่า 5 ปี

โดยจากนี้ จะเน้นที่การสร้างตลาดและขยายฐานลูกค้าให้กับ 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ได้แก่ อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ความเร็วสูง, พรินเตอร์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม, เลเซอร์โปรเจคเตอร์ความสว่างสูง, และหุ่นยนต์แขนกล ซึ่งล้วนแต่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง มีแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว และเป็นที่ต้องการอย่างมากในกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจและอุตสาหกรรม

ปีนี้มีหลายปัจจัยที่ต้องจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง หรือปัจจัยภายนอกอย่างการชะลอตัวของเศรษฐจีนและเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ซึ่งจะทำให้ค่าเงินเกิดความผันผวน ทั้งได้รับผลกระทบจากการเข้ามาของสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ที่ทำให้ความต้องการใช้งานเครื่องพิมพ์ลดลง ในภาพรวมคาดว่าตลาดไอทีไทยปีนี้จะทรงตัว ไม่เติบโต

อย่างไรก็ดี ยังคงมีปัจจัยที่เอื้อต่อการขยายตัวของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของเศรษฐกิจระดับภูมิภาค เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยยังอยู่ในช่วงขาขึ้น การผลักดันให้เกิดการใช้เทคโนโลยีในการดำเนินธุรกิจ ยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 กระแสการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยีด้านการผลิตและการปฏิรูปสู่ดิจิทัล

นอกจากนี้ หลายวงการธุรกิจและอุตสาหกรรม ยังเกิดกระแสความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทจึงมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตในเอสเคิร์ฟใหม่นี้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีการกำหนดกลยุทธ์เพื่อผลักดันกลยุทธ์ใหม่นี้ไว้ 4 ด้าน ครอบคลุมด้านผลิตภัณฑ์ การบริการ ช่องทางจัดจำหน่าย และการสื่อสารการตลาด

บริษัทตั้งเป้าไว้ว่า ปีงบประมาณ 2562 ภาพรวมผลประกอบการจะเติบโตไม่น้อยกว่า 6% เฉพาะตลาดไทยเติบโต 5% ต่างประเทศอย่างน้อย 10% หวังด้วยว่าปีนี้จะสามารถขึ้นไปเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องพิมพ์ได้ทุกเซ็กเมนท์ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มพรินเตอร์อิงค์เจ็ท 69% โปรเจคเตอร์ 20% พรินเตอร์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม 10% และหุ่นยนต์ประมาณ 1% แต่คาดว่าตลาดหุ่นยนต์จะเติบโตได้ถึง 50% ขณะนี้ไทยสร้างรายได้เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สัดส่วน 25% รองจากอินโดนีเซีย

เพิ่มเม็ดเงินลงทุนในไทย

สำหรับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ มีแผนนำผลิตภัณฑ์ใหม่ 4 กลุ่มดังกล่าวเข้ามาทำตลาดมากขึ้น ในกลุ่มอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ความเร็วสูงจะทยอยเปิดตัวสินค้าใหม่ครบทั้งไลน์อัพ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่เอสเอ็มอี โซโห ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับพรินเตอร์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่อีกหลายรุ่น ทั้งในกลุ่มโฟโต้ มินิแล็บ อุตสาหกรรมสิ่งทอ หรืองานพิมพ์ป้ายโฆษณาทั้งภายในและภายนอกอาคาร

ขณะที่ เลเซอร์โปรเจคเตอร์มุ่งรักษาฐานตลาดและตำแหน่งผู้นำ กลุ่มหุ่นยนต์แขนกลผลิตภัณฑ์ใหม่ที่นำเข้ามาจะราคาถูกลงถึง 35% เพื่อรองรับตลาดการศึกษาและเพิ่มโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก รวมทั้งจะมีการเปิดตัวหุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่สามารถยกวัตถุหรือชิ้นงานที่มีน้ำหนักมากขึ้นได้

กลยุทธ์ด้านการบริการ ให้ความสำคัญกับการพัฒนา “Service Excellence” มีการ จัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อตรวจสอบและพัฒนาการให้บริการ ติดตามผลการทำงาน เพิ่มความเร็ว ตั้งเป้า 90% จะซ่อมเสร็จภายใน 1-3 วัน

นอกจากนี้ ลงทุนขยายศูนย์บริการเพิ่มขึ้นจาก 154 แห่ง เป็น 170 แห่งให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งจะเพิ่มจำนวนจุดรับสินค้าในบางจังหวัด พัฒนาระบบการบริหารจัดการและจัดส่งชิ้นส่วนอะไหล่ ส่วนของลูกค้าองค์กรมีบริการดูแลเครื่องถึงสำนักงาน มีทีมงานพิเศษคอยมอนิเตอร์การทำงานของเครื่อง มีเครื่องสำรองให้ใช้งานแทนกรณีที่เครื่องลูกค้าที่ใช้งานอยู่เกิดปัญหาขึ้น

เสริมคู่ค้า-ผลิตภัณฑ์ครบไลน์

ผู้บริหารเอปสันเผยว่า มีแผนลงทุนเพิ่มในส่วนระบบการวิเคราะห์ประมวลผล สำหรับงานด้านซีอาร์เอ็ม ซึ่งจะสามารถนำข้อมูลและความรู้ด้านต่างๆ จากลูกค้ามาช่วยพัฒนาระบบการให้บริการให้ดีมากขึ้น ตั้งแต่คอลล์เซ็นเตอร์ การจัดการฐานข้อมูลสินค้า การใช้งาน การบริหารศูนย์บริการและทีมงานบริการนอกสถานที่ รวมถึงฐานข้อมูลการรับประกันสินค้า

ด้านกลยุทธ์ช่องทางจำหน่าย ปีนี้จะเพิ่มจำนวนคู่ค้า Epson Authorized Partner (EAP) สำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มอิงค์เจ็ทพรินเตอร์และโปรเจคเตอร์เป็น 170 รายทั่วประเทศ กลุ่มพรินเตอร์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมเป็น 13 ราย และกลุ่มหุ่นยนต์แขนกลเป็น 10 ราย

สำหรับการสื่อสารการตลาด จะผสมผสานเครื่องมือทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ขณะเดียวกันเดินหน้าทำ Technology Showcase ผ่านงานอีเวนท์ที่สามารถสร้างประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้า โดยร่วมมือกับพันธมิตรในภาคธุรกิจและภาครัฐ

“ปีนี้ถือเป็นจังหวะที่ดีของเอปสันเพราะมีผลิตภัณฑ์ครบทุกไลน์ จำนวนรุ่นมากเพียงพอที่จะทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยเอปสันเป็นเจ้าของเทคโนโลยีเองจึงสามารถพัฒนาเทคโนโลยีแต่ละด้านให้ตรงความต้องการ มีสินค้าใหม่ๆ ป้อนเข้าสู่ตลาดต่อเนื่องไม่ขาดช่วง”

โตสวนกระแสอุตฯไอที

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2561 แม้ตลาดรวมไอทีไทยจะถดถอยลงราว 3% แต่เอปสันสามารถรักษาระดับการเติบโตไว้ได้ที่ 5% เมื่อสิ้นปีงบประมาณของบริษัท (31 มี.ค. 2562) แยกตามกลุ่มผลิตภัณฑ์คาดว่าผลิตภัณฑ์โปรเจคเตอร์จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 10% ซึ่งมีโปรเจคเตอร์ความสว่างสูงเป็นกลุ่มที่เติบโตมากที่สุด ขณะที่พรินเตอร์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมจะเติบโต 6% อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ 5% จากพรินเตอร์แท็งค์แท้ โฟโต้ มินิแล็บและอุตสาหกรรมสิ่งทอได้รับการตอบรับดีขึ้นต่อเนื่อง

“ปัจจัยมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำเสนอความคุ้มค่าในการลงทุนที่ดียิ่งขึ้นต่อลูกค้า มีความต่อเนื่องในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และเข้าถึงตลาดใหม่ๆ ได้มากขึ้น"

ส่วนตลาดต่างประเทศที่เอปสันประเทศไทยดูแลอยู่ ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา ลาว และปากีสถาน มีอัตราการเติบโตโดยรวม 6% ปัจจัยจากการที่บริษัทได้ป้อนผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากตลาดประเทศไทย 89% ต่างประเทศ 11%