วิกฤติไวรัสหนุนอีคอมเมิร์ซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ‘โต’
สินค้ากลุ่มที่ขายดีคือ สบู่ล้างมือ สินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันไวรัส ขณะที่สินค้า “ปรอทวัดไข้” ยอดขายพุ่ง
เอคอมเมิร์ซ (aCommerce) เผยรายงานสถานการณ์การซื้อขายสินค้าออนไลน์ช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ชี้คนยอมจ่ายหนักซื้อสินค้าเพื่อรักษาสุขภาพมากขึ้น ขณะที่สินค้า “ปรอทวัดไข้” ยอดขายพุ่ง ดันรายได้ร้านค้าอีคอมเมิร์ซโตกว่าช่วงปกติ 705%
เอคอมเมิร์ซ ร่วมกับ BRANDIQ รายงานสถานการณ์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ประจำเดือน มี.ค.2020 ในช่วงสถานการณ์ไวรัวโควิด-19 ระบาด โดยระบุว่า ผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มลดใช้บริการห้างร้าน เดินทางด้วยรถสาธารณะ ตั้งแต่เดือนมกราคม พร้อมกับหันมาใช้บริการออนไลน์มากขึ้น จากยอดขายของบริการสั่งอาหาร เช่น แกร็บ ฟู้ด เมื่อเดือน ม.ค.มียอดออเดอร์มากกว่า 4 ล้านครั้งในเดือนเดียว ต่างจากเมื่อปี 2562 ที่มียอดใช้บริการทั้งปี 3 ล้านครั้ง
ขณะที่ เทรนด์ซื้อสินค้าออนไลน์ สินค้ากลุ่มเฮลธ์แคร์ มียอดขายเพิ่มขึ้น ทั้งจำนวนและมูลค่ารายได้ โดยเฉพาะ “ปรอทวัดไข้” ที่ทำรายได้เพิ่มให้กับผู้ค้ารวมกับถึง 705% นอกจากนี้ สินค้ากลุ่มที่ขายดี คือ สบู่ล้างมือ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันไวรัส ก็มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
โดยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือ (Hand Clean) เติบโตมากกว่า 213% เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) เติบโตมากกว่า 155% เป็นต้น
รายงานฉบับนี้ ยังสะท้อนว่า เมื่อดูรายละเอียดของสินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภคที่มียอดขายต่อหน่วยลดลง หากมูลค่ารายได้กลับเพิ่มขึ้น จะพบปัจจัยที่น่าสนใจ คือ ผู้บริโภคซื้อสินค้าที่เป็นพรีเมี่ยมมากขึ้น ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง มีประสิทธิภาพมากกว่าในระหว่างที่เกิดการระบาด และ ผู้ขายใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ด้วยการวางกลยุทธ์ราคาช่วงที่มีความต้องการซื้อที่เหมาะสม
สินค้าอีกชนิดที่มีสถิติที่น่าสนใจคือ หน้ากากอนามัยและหน้ากากกรองฝุ่น ที่มีตัวเลขการเติบโตของยอดขายสูง หากการเติบโตของมูลค่ารายได้ต่ำ มาจากกระบวนการผลิตและกระบวนการจัดจำหน่ายที่มีปัญหา
ในรายงานของเอคอมเมิร์ซ ระบุว่า ตัวเลขจำนวนยอดขายสินค้ากลุ่มนี้สูงมาตั้งแต่ปลายปี 2562 จากการแพร่กระจายของฝุ่น พีเอ็ม 2.5 และเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระดับภูมิภาค หน้ากากอนามัยเป็นที่ต้องการอย่างมาก จนเกิดความขาดแคลน
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชั้นนำอย่าง ลาซาด้า ช้อปปี้ ต่างออกมาตรการควบคุมการขายสินค้าดังกล่าว โดยจะแบนร้านค้าที่ขายเกินราคาออกจากเว็บทันที
อีกเทรนด์ที่น่าสนใจ คือ การซื้อสินค้ากลุ่มแฟชั่น ความงาม อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเพื่อสัตว์เลี้ยงลดลง โดยมีสัดส่วนการเติบโตลดลงที่ตัวเลข -0.5 ถึง -0.84% แต่ก็มีสินค้าบางชนิดในกลุ่มนี้ที่โตขึ้น เช่น ถ่านไฟฉาย โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 38%