‘พาโลอัลโต’ ชี้ 'ซิเคียวริตี้' ไทยโตแรง ธุรกิจเพิ่มลงทุนรองรับวิกฤติ
“พาโลอัลโต” เปิดผลสำรวจล่าสุด ชี้ธุรกิจไทยมีแผนเพิ่มการลงทุนซิเคียวริตี้ วิกฤติไวรัสหนุนการตระหนักรู้ กระตุ้นองค์กรทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล ครึ่งปีหลังตลาดยิ่งโต ซิเคียวริตี้กินสัดส่วนเกินครึ่งงบลงทุนไอที
โดยระบบที่ลูกค้าสนใจลงทุนอย่างมากคือ การรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ แอนตี้มัลแวร์ แอนตี้ไวรัส รองรับการเวิร์คฟรอมโฮม การทำงานนอกสำนักงาน นอกสถานที่ รวมไปถึงการลงทุนรูปแบบซอฟต์แวร์แอสอะเซอร์วิสเพื่อรองรับการทำงานของแอพพลิเคชั่นต่างๆ
“ท่ามกลางงบประมาณที่มีอยู่จำกัด แต่โดยภาพรวมผมยังคาดว่าการลงทุนไอทีในประเทศไทยจะยังคงขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ด้วยแต่ละบริษัทต้องมองหาเครื่องมือที่ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพสามารถปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง ผลกระทบจากโควิดทำให้มีการปรับเปลี่ยนแนวทางการลงทุนทว่าเม็ดเงินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
สำหรับครึ่งปีหลังแนวโน้มการโจมตีทางไซเบอร์จะพุ่งเป้าไปที่ระบบสาธารณูปโภค ไอโอที การขโมยข้อมูลที่สำคัญ รวมถึงข้อมูลตัวตน ฯลฯ ดังนั้นเพื่อศักยภาพการป้องกันพร้อมเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทางธุรกิจ องค์กรควรใช้ประโยชน์จากเครื่องมือใหม่ๆ ทั้ง ออโตเมชั่นและแมชีนเลิร์นนิ่ง เพื่อปิดโหว่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
พร้อมกันนี้ ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยเครือข่าย และอุปกรณ์เชื่อมต่อที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จำต้องมีการอบรมสร้างความตระหนักรู้ให้แก่พนักงาน ปรับเปลี่ยนนโยบายการบริหารจัดการ รวมไปถึงปรับแนวคิดการลงทุนซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ปกป้อง ป้องกัน แต่ต้องมีความพร้อมที่จะรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเข้ามาได้เสมอ
สำหรับอุปสรรคที่องค์กรไทยเผชิญ หลักๆ มาจากพนักงานขาดความตระหนักรู้ ขาดผู้เชี่ยวชาญ และผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญ ขณะนี้องค์กร 3 ใน 5 ตระหนักว่าพวกเขาอาจเสี่ยงต่อการโจมตีทางไซเบอร์ โดยมีความกังวลถึงการสูญเสียทางการเงิน การสูญเสียข้อมูลภายใน เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา ข้อมูลพนักงาน รวมถึงข้อมูลภายนอก เช่น ข้อมูลการชำระเงินของลูกค้า