'ติงส์ออนเน็ต' เปิดเทรนด์ไอโอที เขย่าโลกธุรกิจปี 2564

ไอโอที คือหัวใจสำคัญในการเชื่อมโลกทางกายภาพกับโลกดิจิทัล

เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ออฟ ติงส์ หรือ ไอโอที ยังคงมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถให้กับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรธุรกิจ และอุตสาหกรรมด้านต่างๆ ขณะเดียวกันเป็นหนึ่งในตัวจักรสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0 เศรษฐกิจดิจิทัล ตัวเร่งที่ทำให้ประเทศไทยขยับเข้าใกล้เป้าหมาย “ประเทศไทยเมืองอัจฉริยะ"

ปวิณ วรพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ติงส์ ออน เน็ต จำกัด ผู้ให้บริการไอโอทีโซลูชั่น เผยข้อมูลจากซิกฟอกส์ (Sigfox) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีเครือข่ายชั้นนำว่า ความท้าทายในช่วง 18 - 24 เดือนข้างหน้านี้ คือการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีไอโอทีให้ทันการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่

เนื่องจากไอโอที คือหัวใจสำคัญในการเชื่อมต่อโลกทางกายภาพกับโลกดิจิทัล ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งภาคอุตสาหกรรม ขนส่ง และสิ่งแวดล้อม มากกว่านั้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบต่างๆ ให้ดีขึ้น โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด และช่วยป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจและสิ่งแวดล้อม

ระบบติดตามเรียลไทม์

สำหรับเทรนด์ด้านไอโอทีที่น่าจับตามองในปี 2564 นี้ ประกอบด้วย 1.การติดตามและตรวจสอบสินค้า ในวงการการติดตามและตรวจสอบสินค้า ได้พัฒนาเครื่องมือในการระบุตำแหน่งด้วยเทคโนโลยีไอโอที เพื่อให้เกิดฟังก์ชั่นใหม่ๆ จากเดิมที่บอกแค่ว่าสินค้านั้นได้ส่งออก - ถึงมือผู้รับหรือยัง มาเป็นการติดตามสินค้าตลอดตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง

โดยการขนส่งสินค้าจากซัพพลายเออร์ถึงผู้ซื้อสามารถตรวจสอบได้ตลอด เมื่อสินค้าถูกขนออกนอกเส้นทาง ระบบจะส่งสัญญาณเตือน ทำให้สามารถติดตามสินค้ากลับมาได้อย่างทันท่วงที ไม่ต้องเสียเวลาติดตามค้นหาสินค้า นอกจากนั้นสามารถวิเคราะห์ข้อมูลของเวิร์คโฟลว์เพื่อนำมาปรับปรุงระบบให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ปัจจุบันไอโอทีแทรคเกอร์ไม่เพียงสามารถติดตามทรัพย์สินขนาดใหญ่ แต่ยังใช้กับการขนส่งสินค้าที่มีขนาดเล็ก หรือแม้แต่การขนส่งทางไปรษณีย์ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าภาคอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ จะหันมาใช้บรรจุภัณฑ์อุตสาหกรรมที่สามารถส่งคืนได้มากขึ้น

โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ

ขณะที่ 2.การมอนิเตอร์สภาพแวดล้อมของสินค้าระหว่างขนส่ง เทคโนโลยีไอโอทีสามารถตรวจสอบอุณหภูมิและความชื้นได้แบบเรียลไทม์ สำหรับภาคอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อควบคุมคุณภาพสินค้าในระหว่างการขนส่งควบคู่ไปกับการติดตามตำแหน่งของสินค้า

นอกจากนี้ ช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการและลูกค้าในการขนส่งสินค้าที่ต้องมีการควบคุมและดูแลเป็นพิเศษ ทั้งไอโอทีเซ็นเซอร์ยังสามารถประยุกต์ใช้กับเครื่องมืออื่นๆ ได้หลากหลาย

3.ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ เทคโนโลยีไอโอที มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงระบบโครงข่ายไฟฟ้า ช่วยให้มิเตอร์อัจฉริยะสามารถบริหารจัดการการไหลเข้าและออกของพลังงานจากโครงข่ายไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์ ป้องกันการรั่วไหลของไฟฟ้า ป้องกันการโจรกรรมพลังงาน และช่วยให้เจ้าของบ้านส่งพลังงานส่วนเกินจากแผ่นโซล่าร์กลับคืนเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะทำให้ประหยัดค่าไฟได้อย่างมีนัยสำคัญ

ขุมพลัง‘ควบคุม-สั่งการ’

สำหรับ 4.วงจรชีวิตการใช้งานและการเลือกใช้อุปกรณ์เฉพาะเจาะจง แนวโน้มหนึ่งที่มาแรงในปี 2564 คือการพัฒนาอุปกรณ์ไอโอทีที่เจาะจงการใช้งานมากขึ้น เป็นอุปกรณ์ที่มีวงจรชีวิตการใช้งานและความสามารถเฉพาะสำหรับการปรับใช้ ท่ามกลางการแข่งขันเพื่อลดความซับซ้อน อุปกรณ์ไอโอทีจะง่ายขึ้นด้วยการจำกัดการทำงานหรือป้องกันการรวมเซ็นเซอร์ที่ซ้ำซ้อนกัน

สุดท้าย 5.ไอโอที ซิเคียวริตี้ ในปี 2564 เทคโนโลยีไอโอทีด้านระบบรักษาความปลอดภัยจะให้ความสำคัญสูงสุดกับการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ และการใช้ในทางที่ผิด สามองค์ประกอบที่ต้องให้ความสำคัญคือ การรับรองความน่าเชื่อถือ ความสมบูรณ์แบบในการทำงานของเครื่องมือ และการรักษาความลับของข้อมูลที่ถูกส่ง รวมถึงการเข้ารหัส ซึ่งจำเป็นสำหรับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการเก็บความลับของข้อมูล

อย่างไรก็ดี นอกจากการพัฒนาเครื่องมือแล้ว ซอฟต์แวร์และแดชบอร์ดก็ต้องพัฒนาควบคู่กันไป ความท้าทายในระยะยาวคือ ทำอย่างไรให้เครื่องมือเหล่านี้สามารถทำงานได้หลายปีและยังสามารถกู้คืนข้อมูลได้

นอกจากนี้ อีกหนึ่งจุดเด่นของเทคโนโลยีไอโอทีคือ ขุมพลังในการควบคุมและสั่งการเครื่องมือจำนวนมากๆ พร้อมกัน เช่นเมื่อติดตั้งเครื่องมือจำนวนมากและต้องการปรับเปลี่ยนการทำงานของเครื่องมือทั้งหมด เทคโนโลยีไอโอทีสามารถช่วยปรับจูนเครื่องมือจำนวนมากถึงแสนตัวได้พร้อมกันภายในเวลาเพียง 2 - 3 วัน