'ดีแทค' ดัมพ์ราคาซิมเติมเงินต่างด้าว
ดีแทคยิ้มครบรอบ 10 ปี เป็นผู้ให้บริการรายแรกในไทยที่ทำการตลาดเจาะกลุ่มผู้ใช้บริการชาวเมียนมา-กัมพูชา เล็งออกดีแทคแอพพลิเคชั่น ภาษาพม่า พร้อมเปิดบริการภาษากัมพูชาภายในปีนี้
1. ดีแทคแอพพลิเคชั่น ภาษาพม่า พร้อมเปิดบริการภาษากัมพูชาภายในปีนี้ เพื่อสร้างโอกาสและเป็นจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้การใช้บริการดิจิทัล ให้กับกลุ่มชาวเมียนมาและกัมพูชาซึ่งลูกค้าจะได้รับความสะดวก รวดเร็วในการทำธุรกรรม ที่สามารถตรวจสอบการใช้งานได้ตลอดเวลา ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ได้มีโอกาสเข้าถึงและมีความเท่าเทียมกับคนไทยในการใช้ดิจิทัล จากออฟไลน์มาสู่ ออนไลน์ และเพิ่มจำนวนมากขึ้นในอนาคต
2. แพ็กเกจเสริมตอบโจทย์ช่วงโควิด-19 เน็ตเต็มสปีด 1 กิกะบิตเพียง 10 บาทต่อวัน และ โทรกลับพม่าและกัมพูชาผ่าน 00400 ครบ 5 นาที ฟรีอีก 5 นาที และ 3.ขยายบริการใจดีช่วยค่ายา ให้เข้าถึงกลุ่มพี่น้องเมียนมาและกัมพูชา ให้สามารถดูแลรักษาสุขภาพในราคาประหยัด จากร้านยาคุณภาพที่มีใบอนุญาต และมีเภสัชกรประจำตลอดเวลาเปิดร้าน ได้สะดวกในประเทศไทย สำหรับพี่น้องเมียนมาและกัมพูชา ทั้งระบบเติมเงิน และรายเดือน สามารถซื้อคูปองช่วยจ่ายค่ายาในราคา 59 บาทและ 89 บาท สามารถนำไปซื้อยาที่ร้านขายยาที่ร่วมโครงการ ได้ในมูลค่าสูงสุด 100 และ 200 บาท เพียงแค่โชว์ข้อความ SMS จากโทรศัพท์มือถือที่ร้านขายยา ก็รับยากลับบ้านได้เลย
เขา เผยว่า จากข้อมูลการใช้งานของกลุ่มชาวเมียนมาและกัมพูชาในไทยบนเครือข่ายดีแทค พบว่าแรงงานกลุ่มนี้ใช้มือถือเพื่อประโยชน์หลักในการสื่อสารและความบันเทิง โดยมีความนิยมใช้งานดิจิทัลผ่านทางโซเชียลมีเดียใน 5 อันดับแรก คือ 1.Facebook 2. YouTube 3. LINE 4. Messenger 5. Tik Tok โดยในปี 2563 แรงงานข้ามชาติที่เป็นลูกค้าดีแทค มีปริมาณการใช้งานดาต้า ต่อวันต่อคน ในอัตราที่เติบโตขึ้นถึง 15% เทียบกับการใช้งานในปี 2562
ดังนั้น ดีแทคจึงโดยต้องการเป็นช่องทางในการเชื่อมต่อการสื่อสารที่ไม่ได้จำกัดเพียงแค่การบริการโทรศัพท์มือถือหรืออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายสัญญาณคุณภาพเท่านั้น แต่ยังต้องการเชื่อมต่อคนกลุ่มนี้กับบริการอื่นๆที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในประเทศไทย ผ่านช่องทางทั้งโทรศัพท์มือถือ หรือช่องทางออฟไลน์อื่นๆ ด้วยการสื่อสารที่เข้าใจง่ายในภาษาพม่า และ ภาษากัมพูชา
“จากจำนวนแรงงานต่างด้าว 2.3 ล้านราย ดีแทคก็มีความคาดหวังจะให้ลูกค้าจากจำนวนทั้งหมดนั้นมาเป็นลูกค้าดีแทค จากที่ปัจจุบันสามารถเอาชนะใจและก้าวขึ้นเป็นแบรนด์อันดับหนึ่ง ของชาวเมียนมาและกัมพูชาในประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 80%”