สดช.เร่งกรุยทางสู่องค์กรดิจิทัลต้นแบบ

นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการ คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า สดช. จะเป็นหน่วยงานนำร่องในการทำงานแบบ e-document ดังนั้น ในปีงบประมาณ 2566 สดช. จึงทำการขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการพัฒนาระบบต้นแบบแพลตฟอร์มสำหรับปรับเปลี่ยนเอกสารเป็นดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรดิจิทัล

โดยจะพัฒนาระบบต้นแบบแพลตฟอร์มจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลให้เป็นดิจิทัลสำหรับนำเข้าระบบประมวลข้อมูลดิจิทัลอัจฉริยะสำหรับศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล และจัดหาระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการประชุมอิเล็กทรอนิกส์ โดยจัดหาระบบจัดเก็บข้อมูล ประมวลผลเอกสารแปลงให้เป็นข้อมูลดิจิทัลลดการใช้กระดาษ ซึ่ง สดช.จะดำเนินโครงการในหน่วยงานตั้งแต่ปี 2565 - 2566 จากนั้นจะเสนอต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดดีอี) และเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้หน่วยงานอื่นๆนำไปใช้ต่อไป

ทั้งนี้ เพื่อให้ สดช. ก้าวไปสู่องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนำนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในการช่วยสืบค้นข้อมูลดิจิทัล นำไปประมวลผลข้อมูลเพื่อสร้างแบบจำลองการวิเคราะห์ข้อมูล สำหรับศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลฯ และพัฒนา API Service เพื่อเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน (เว็บ เซอร์วิส) เพื่อให้สามารถบริหารจัดการการจัดเก็บ สืบค้นเอกสารได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และนำไปสู่องค์กรไร้กระดาษ และคาดหวังไว้ว่าในอนาคตจะผลักดันให้หน่วยงานต่าง ๆ นำระบบการทำงานแบบไร้กระดาษไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน

“ในปีงบประมาณ 2566 นี้ ทาง สดช. จะขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการโครงการหลักอย่างต่อเนื่องจากที่ผ่านมาด้วย คือ โครงการพัฒนาบริการโครงสร้างพื้นฐานและความมั่นคงปลอดภัยด้านดิจิทัล กิจกรรม พัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (จีดีซีซี) และ โครงการจัดทำกฎระเบียบการใช้บริการระบบคลาวด์กลางภาครัฐและจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้อมูลของประเทศไทย”
 

เขา กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ใช้บริการอยู่ 285 กรม 375 หน่วยงาน 2,704 ระบบงาน เป็นจำนวน 32,208 วีเอ็มซึ่งได้มีการจัดอบรมการใช้งานของจีดีซีซีไปแล้วทั้งในระดับพื้นฐาน ระดับสูง และระดับผู้เชี่ยวชาญ รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,065 คน ทั้งนี้ จากการที่ให้บริการคลาวด์แก่หน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ แล้วนั้น สดช.ก็จะมีการจัดทำยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนข้อมูลของชาติ เพื่อให้มีการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานด้วยกันเพื่อการจัดทำบริการต่าง ๆ ให้แก่ประชาชน ดังนั้น จึงต้องมีการจัดเก็บข้อมูลในประเทศ แยกระดับความสำคัญของข้อมูลและชั้นความลับของข้อมูล ซึ่งจะนำไปสู่ การแลกเปลี่ยนข้อมูล และการเป็นข้อมูลเปิด

ขณะที่ โครงการศูนย์ดิจิทัลชุมชนซึ่งที่ผ่านมามีศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชน จำนวน 2,277 แห่ง และมีการยกระดับให้เป็นศูนย์ดิจิทัลชุมชนแล้ว จำนวน 500 แห่ง นั้นในปีหน้าจะมีการยกระดับอีกจำนวนกว่า 200 แห่ง ทั่วประเทศ และ ณ ปัจจุบัน ทราบมาว่า ทาง สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทข. ) จะให้การสนับสนุนงบประมาณจากกองทุน (ยูโซ่) เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับศูนย์อินเทอร์เน็ตชุมชนอีกจำนวนหนึ่งด้วย