ธุรกิจอัดงบปลุก ‘เอไอ-ดาต้า’ ติดสปีดองค์กรเพิ่มขีดแข่งขัน

ธุรกิจอัดงบปลุก ‘เอไอ-ดาต้า’ ติดสปีดองค์กรเพิ่มขีดแข่งขัน

“เอ็นทีที เดต้า” ชี้ธุรกิจทั่วโลกหันโฟกัส Data-Driven Marketing เครื่องมือการตลาดยุคดิจิทัล หนุนสินค้า บริการได้ตรงใจผู้บริโภคยุคใหม่

พร้อมเปิด 4 เทรนด์สำคัญในโลก ดาต้า มาร์เก็ตติ้ง จับตาลงทุน MarTech หวังจัดเก็บใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เผยกลุ่มธุรกิจชั้นนำหันลงทุน ‘ดาต้า เอไอ’ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน 

นายฮิโรนาริ โทมิโอกะ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นทีที เดต้า (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้เครือบริษัท เอ็นทีที เดต้า คอร์ปอเรชัน จำกัด เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย หันมาให้ความสำคัญกับการจัดเก็บและบริหารข้อมูลเพื่อการตลาดมากขึ้น ขณะที่ 99% ของบริษัทที่อยู่ Fortune top 1,000 ต่างเร่งการลงทุนไปกับดาต้า และเอไออย่างมีนัยสำคัญ

ธุรกิจอัดงบปลุก ‘เอไอ-ดาต้า’ ติดสปีดองค์กรเพิ่มขีดแข่งขัน

หากกล่าวถึงเทรนด์ของ Data-Driven Marketing ในปี 2565 นี้ เอ็นทีที เดต้า เห็นถึงการเติบโต และความสำคัญของเครื่องมือ MarTech (Marketing Technology) โดยเฉพาะเครื่องมือที่เกี่ยวกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า แบ่งออกเป็น 4 เทรนด์สำคัญได้แก่ 1.Marketing Technology Tool (Martech Tool) เครื่องมือที่พัฒนาขึ้น เพื่อใช้ประโยชน์ด้านกิจกรรมการตลาด จัดการแคมเปญการตลาดได้มีประสิทธิภาพ สื่อสารกับลูกค้าได้หลากหลายรูปแบบ และมีการวัดผลที่แม่นยำ 

2.Real time data ข้อมูลใหม่แบบเรียลไทม์ หรือความสดใหม่ของข้อมูล เพื่อนำเสนอบริการ และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องให้ตรงตามความต้องการแบบเฉพาะรายบุคคล 3. Data Privacy ปัจจุบันไทยกำลังมี พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) กำกับดูแล เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือการควบคุมสำหรับการรวบรวม, ใช้งาน, แบ่งปัน, จัดเก็บ และส่งข้อมูลต่างๆ ให้ชัดเจน เพื่อควบคุมดูแลข้อมูล และความเป็นส่วนตัวลูกค้า ทั้งเป็นการสร้างเกราะป้องกันความปลอดภัยข้อมูลได้อีกชั้นหนึ่ง

4. Data Security การรักษาความปลอดภัยข้อมูล การให้ผู้ที่มีสิทธิเข้าถึงสามารถเข้าถึงได้เท่านั้น เพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลของลูกค้า เกี่ยวพันกับการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดการโจมตีทางไซเบอร์ และวางแผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อปิดช่องโหว่ต่อความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า

นายฮิโรนาริ กล่าวว่า จากประสบการณ์การทำงานร่วมกับผู้ประกอบการไทย พบปัญหาและอุปสรรคสำคัญของการสร้าง Data-Driven Marketing ของธุรกิจไทยคือ ความรู้ ความเข้าใจ และหากมองลึกในมุมข้อมูล จะพบปัญหาด้านคุณภาพข้อมูล เช่น เก็บข้อมูลไม่ครบ ข้อมูลซ้ำซ้อน เกิดปัญหาการหาความสัมพันธ์ของข้อมูล หรือมีข้อมูลมากเกินไป จนจมไปกับมหาสมุทรข้อมูล ไม่รู้ว่าจะนำข้อมูลส่วนใดมาใช้ให้เกิดประโยชน์ หรือมองไม่ออกว่าข้อมูลส่วนใดสำคัญกับธุรกิจ 

“การก้าวข้ามอุปสรรคนี้ ธุรกิจจำเป็นต้องรู้ว่า Pain point ธุรกิจคืออะไร เพื่อกำหนดกลยุทธ์และเป้าหมายการใช้ข้อมูลของธุรกิจ นำมาซึ่งสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น ช่วยลดต้นทุนการขายและการตลาด จนนำไปสู่จุดหมายปลายทางการสร้างรายได้ และผลกำไรให้ธุรกิจอย่างยั่งยืน” 

อย่างไรก็ตาม เอ็นทีที เดต้า เห็นโอกาสนี้ จึงพัฒนาบริการด้าน Data-Driven Marketing ไว้ 5 กลุ่มบริการ ครอบคลุมทุกมิติตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เริ่มต้นด้วยการเข้าไปให้คำปรึกษาถึงกระบวนการดำเนินการ และดูแลปรับปรุงให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง

เขากล่าวด้วยว่า บริษัท พบว่า องค์กรต่างหันมาให้ความสำคัญกับการใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาประสบการณ์อันดีของลูกค้า คิดเป็นสัดส่วนถึง 48% โดย 39% นำไปขับเคลื่อนนวัตกรรมสินค้า 37% นำข้อมูลไปใช้ในการคิดโมเดลธุรกิจใหม่ 36% ใช้เพื่อนำไปขับเคลื่อนรายได้ช่องทางใหม่ๆ 31% นำข้อมูลไปใช้เพื่อบุกตลาด 

ทั้งนี้ 79% ขององค์กรเข้าใจถึงคุณค่าข้อมูล เเละมองว่า เป็นกุญเเจสำคัญการสร้างกลยุทธ์ โดยมีโควิด-19 เป็นบททดสอบสำคัญของความจำเป็นในการพึ่งดาต้าของธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจตั้งรับ เเละสั่งการได้อย่างทันท่วงที รองรับความต้องการของลูกค้าบนวิถีชีวิตใหม่

ขณะที่ อ้างอิงจาก Harvard Business Review พบว่า ธุรกิจที่ใช้ Data-Driven Marketing จะมีโอกาสประสบผลสำเร็จมากกว่า โดย 99% ของบริษัท Fortune top 1,000 ได้ลงทุนไปกับดาต้า และเอไอ ข้อมูลอิงจากสถิติของ Mckinsey ระบุว่า องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย Customer Analytics อย่างแท้จริง จะทำให้ผลประกอบการแซงหน้าคู่แข่งได้ จากความสามารถเพิ่มลูกค้าใหม่ได้ถึง 23 เท่า เพิ่มความสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมได้ถึง 6 เท่า และสามารถทำกำไรได้สูงกว่า 19 เท่า เมื่อเทียบกับการที่ไม่ได้ใช้ดาต้ามาเป็นตัวขับเคลื่อน

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์