รู้จักเมืองท่าสุดไฮเทค “เมืองยอซู” Smart Tourism City แห่งเกาหลี
ชมนวัตกรรมและเทคโนโลยีสุดล้ำ ที่ทำให้ “เมืองยอซู” กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากเคยเป็นที่จัดงานระดับโลกแล้วเปลี่ยนสถานะตัวเองมาเป็นเมืองตากอากาศที่ประชากรมีความสุขที่สุดของเกาหลี และวันนี้ “ยอซู” กำลังเดินหน้าด้วยความไฮเทค
ถ้าภาพจำจากหนังไซไฟของเมืองแห่งอนาคตคือยานยนต์ไร้คนขับ มีโรบอททำงานแทนคน หรือสารพัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยให้ชีวิตของผู้คนง่าย สบาย โดยเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ที่ เมืองยอซู ประเทศเกาหลีใต้ กำลังเป็นแบบนั้น
จากอดีตเมืองท่าและเมืองตากอากาศชายทะเลอันเงียบสงบ ตั้งแต่ปี 2012 ยอซู ได้เป็นสถานที่จัด Expo ระดับนานาชาติ และนับแต่นั้นมา เมืองนี้ก็เติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในฐานะแหล่งท่องเที่ยว, เมืองแห่งศูนย์แสดงสินค้าและนิทรรศการ, เมืองที่กำลังเดินหน้าด้วยเทคโนโลยี และเป็นเมืองที่ประชากรมีความสุขที่สุดของเกาหลี
ที่ Yeosu Expo Ocean Park ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ Big-O แลนด์มาร์คของ “เมืองยอซู” เป็นสถาปัตยกรรมเหล็กขนาดยักษ์ ที่ยังทำหน้าที่แสดงแสงเสียงและน้ำพุตั้งแต่งาน Expo มาจนทุกวันนี้ ไม่เพียงแค่นั้น ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของโชว์รูมด้านนวัตกรรมที่อัดแน่นไปด้วย Gadget ล้ำๆ มากมาย รวมถึงพิพิธภัณฑ์สุดเจ๋งที่รวมเอาเทคโนโลยีกับความคิดสร้างสรรค์เข้าไว้ด้วยกัน
KT Review กรุงเทพธุรกิจไอที จะพาทุกคนมารู้จัก "ยอซู" ผ่านเทคโนโลยีที่กำลังทำให้เมืองนี้เข้าใกล้คำว่า Smart Tourism City และ Smart City ไปทุกที
Play Ground สนามเด็กเล่นของคอไอที
Spring Cloud เป็นผู้พัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาในการสร้างรูปแบบทั่วไปบางอย่างใน distributed system เช่น การจัดการการกำหนดค่า การค้นหาบริการ เบรกเกอร์วงจร การกำหนดเส้นทางอัจฉริยะ ไมโครพร็อกซี การควบคุมยานยนต์ไร้คนขับ โทเค็นแบบใช้ครั้งเดียว เป็นต้น
ที่นี่ "Spring Cloud" ได้ใช้พื้นที่ Play Ground มาเป็นสนามเด็กเล่น โชว์ของดี ให้คนมาเรียนรู้และทดลองสัมผัสประสบการณ์ไปกับเทคโนโลยีที่จับต้องได้แล้วจริงๆ
อย่างเช่น MINT D ยานยนต์ไร้คนขับ หน้าตาน่ารัก สีมินท์ตะมุตะมิ ที่สร้างมาเพื่อจุดประสงค์ด้านการขนส่งสินค้า ควบคุมด้วยระบบดาวเทียมและมีไรดาร์ช่วยกำหนดและควบคุมทิศทางให้ปลอดภัย เพราะถึงจะละม้ายคล้ายรถยนต์ขนาดย่อมๆ แต่ไม่มีพื้นที่ของห้องโดยสาร และของคนขับ
ถ้ายังไม่เห็นภาพว่ายานยนต์ไร้คนขับเมื่อนำมาใช้งานในการขนส่งสาธารณะจะดีอย่างไร ที่นี่มีรถบัส Spring Cloud Bus ให้ทุกคนได้ทดลองนั่งไปรอบๆ "Yeosu Expo Ocean Park" บนถนนจริง บนการจราจรจริง ซึ่งรถคันนี้ดูผิวเผินจะคล้ายรถมินิบัส แต่ภายในจะมีแต่พื้นที่ห้องโดยสาร ไม่มีพื้นที่ของคนขับ รถคันนี้จะควบคุมได้ทั้งแบบอัตโนมัติและแบบแมนนวล โดยคนขับจะควบคุมด้วยจอยสติ๊กแบบเดียวกับจอยสติ๊กเครื่องเล่นเกม Xbox มีไรดาร์คำนวณเส้นทางและสภาพแวดล้อมเพื่อความปลอดภัยด้วย
นอกจากนี้ใน Play Ground ยังจัดแสดงเทคโนโลยีและ Gadget รูปแบบต่างๆ ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตผู้คนทั้งด้านความบันเทิงและชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่าง aris หุ่นยนต์ทำไอศกรีม ลักษณะเป็นแขนกล ทำไอศกรีมแบบซอฟต์เสิร์ฟแทนคน
หรือ MANNA CEA โรงเรือนอัจฉริยะสำหรับเพาะปลูกพืชด้วยแสง LED ช่วยให้มีผลผลิตทางการเกษตรได้ตลอดทั้งปี โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ทำการเกษตรขนาดใหญ่
และมียังมีอีกหลากหลายเทคโนโลยีใน Play Ground ให้ได้สนุกสนานไปพร้อมกับการเรียนรู้ อาทิ การต่อสู้ของหุ่นยนต์ ROBOMASTER ของ DJI ให้เรียนรู้เรื่องการเขียนโค้ดและการควบคุมหุ่นยนต์, สนามประลองโดรนให้ได้ลองฝึกทักษะการบังคับโดรนผ่านอุปสรรค และมีสนามโปโลโดรนที่ทุกคนจะได้รู้จักยานยนต์แห่งอนาคตชนิดนี้มากขึ้น เป็นต้น
ดูศิลปะสุดล้ำที่ ARTE MUSEUM OCEAN YEOSU
บางส่วนของ "Yeosu Expo Ocean Park" ได้ปรับให้เป็นอาคารจัดแสดงนิทรรศการศิลปะแนวมีเดียอาร์ต คือใช้มัลติมีเดียประกอบกับศิลปะจนเกิดเป็นผลงานสุดสร้างสรรค์และตระการตา การสร้างสรรค์มีเดียอาร์ตของที่นี่นับเป็นแห่งที่สองของเกาหลี เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมือง 1 สิงหาคม 2564 โดยแห่งแรกคือที่เกาะเชจู
ธีมหลักของ ARTE MUSEUM OCEAN YEOSU คือการเล่าเรื่องราวของธรรมชาติและท้องทะเลซึ่งเป็นหัวใจของ “เมืองยอซู” ผ่านผลงานจำนวน 10 ชิ้น และอีก 1 ทีบาร์ บนพื้นที่กว่า 4,600 ตารางเมตร
โซนแรกคือ Flower เมื่อเข้ามาจะได้เจอกับดอกไม้หลากสีสัน ราวกับกำลังอยู่ท่ามกลางดอกไม้จริงๆ โซนนี้เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้อันจัดจ้าน เมื่อยืนไปเป็นองค์ประกอบหนึ่งของผลงาน เราจะได้เป็นส่วนหนึ่งของศิลปะชิ้นนี้
ถัดไปโซน Beach คือชายหาดที่มีฟ้าสลับสีอยู่เบื้องหลัง บางเวลาเราจะได้เห็นแสงเหนือโดยไม่ต้องเดินทางไปที่ไหน หรือถ้าอยากนั่งมองดูเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งก็ให้ความรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ริมทะเลยอซูจริงๆ แล้วไม่ได้มีแค่คลื่นเบาๆ ชิลๆ แต่ยังมีห้องคลื่นยักษ์ที่ซัดสาดอย่างรุนแรง เพียงยืนดูก็ระทึกใจแล้ว
โซนต่อมาคือ Pink Lagoon จะได้เจอกับฝูงนกฟลามิงโกที่เดินเล่นผ่านไปมา เมื่อมองไปทั้งสองฝั่งของห้องเราจะถูกรายล้อมด้วยฝูงนก เป็นผลงานศิลปะที่มีสีสัน และมีมูฟเมนต์ที่น่าสนใจ
ต่อด้วยโซน Live Sketch Book ที่ทุกคนจะได้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของตัวเองด้วยการระบายสีสัตว์ทะเล แล้วนำภาพไปสแกนเพื่อพาพวกมันขึ้นไปแหวกว่ายอยู่ในโลกใต้ทะเลบนจอขนาดใหญ่ สนุกตรงที่เราจะได้เห็นผลงานที่เพิ่งระบายสีเสร็จเมื่อสักครู่ไปมีชีวิตอยู่ในนั้นด้วยเทคโนโลยีทันสมัย
ที่ใกล้กันคือโซน Waterfall คือน้ำตกขนาดยักษ์ที่ไม่ได้มีเพียงสายน้ำ แต่เป็นเม็ดทรายจำนวนมหาศาลที่เปล่งประกายระยับร่วงลงมา เป็นผลงานมีเดียอาร์ตสุดอลังการที่งดงามมาก
ถัดไปคือโซน Moon ผลงานศิลปะกระต่ายบนดวงจันทร์ตัวโตที่ยืนรอให้ทุกคนไปชมความน่ารัก เดินต่อมาอีกหน่อยคือโซน Star ที่ไม่มีใครไม่โพสต์ท่าถ่ายรูปคู่กับบรรดาโคมกระดาษซึ่งแขวนอยู่เต็มห้องกระจกราวกับดวงดาวนับร้อยนับพันดวง มีลูกเล่นคือแสงสีที่สาดใส่โคมหลายร้อยใบ บรรยากาศจะเปลี่ยนไปตามแสงสีนั้นๆ แม้เป็นเพียงโคมกับแสงแต่กลับเป็นผลงานตระการตาสุดๆ
อีกโซนที่หลบเร้นอยู่ไม่ไกลนักคือ Romantic Thunder ห้องเล็กๆ ที่มีสายฟ้าฟาดเป็นสีสันต่างๆ กับบรรยากาศของเมฆทะมึนที่เปลี่ยนไปตลอด และไปตื่นเต้นกับเกลียวคลื่นยักษ์ที่ซัดสาดแล้วก่อตัวเป็นวาฬในโซน Whale
ปิดท้ายส่วนมีเดียอาร์ตด้วยโซน Garden โถงขนาดใหญ่ที่ฉายภาพศิลปะของศิลปินมีชื่อระดับโลกสลับสับเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา เหมือนได้หลุดไปในโลกจินตนาการซึ่งศิลปินได้รังสรรค์เอาไว้
ก่อนกลับออกไปควรลองแวะ Arte Tea Bar บาร์เครื่องดื่มที่ยังไม่ทิ้งความเป็นมีเดียอาร์ต เพราะเมื่อเราวางแก้วลงบนโต๊ะ เซนเซอร์จะตรวจจับแล้วฉายภาพดอกกุหลาบลงบนแก้วเครื่องดื่มของเรา สร้างสรรค์งานศิลปะก่อนจะได้ดื่มด่ำกับเครื่องดื่มแสนอร่อย
ถ้าค่าความสุขของคนเกาหลีวัดจากชีวิตที่สะดวกสบาย เรียบง่าย แต่ไม่ล้าสมัย ก็ไม่น่าแปลกใจที่เมือง “ยอซู” จะได้ติดท็อปเมืองแห่งความสุข เพราะมีครบทั้งธรรมชาติ, เทคโนโลยี, ศิลปะ และความบันเทิง ที่ทุกอย่างหลอมรวมเป็นเรื่องเดียวกัน
(องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) สนับสนุนการเดินทาง)