‘แมคคินซีย์’ จับเทรนด์ดิจิทัล ขับเคลื่อนยุคใหม่โลกธุรกิจ

‘แมคคินซีย์’ จับเทรนด์ดิจิทัล ขับเคลื่อนยุคใหม่โลกธุรกิจ

โลกของเทคโนโลยี มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจมาให้ติดตามอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด แมคคินซีย์แอนด์คอมปะนี เปิดคาดการณ์แนวโน้มทางเทคโนโลยีที่สำคัญ “McKinsey Technology Trends Outlook 2023” โดยมีบทสรุปที่น่าสนใจดังนี้

Generative AI มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดและทำให้ได้ค้นพบศักยภาพใหม่ๆ ของเอไอ ต่อยอดจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และการพัฒนาเครื่องมือสำหรับแมชีนเลิร์นนิง 

ผลลัพธ์ที่ได้คือ หนทางใหม่ในการสร้างศักยภาพมหาศาลอันก่อให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวงในทุกอุตสาหกรรม

โดย Generative AI สามารถเพิ่มมูลค่าต่อปีได้ประมาณ 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลก จากรายงานล่าสุดของ McKinsey “The economic potential of generative AI: The next productivity frontier” คาดว่า ยูสเคสใหม่ๆ จาก Generative AI อาจเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ประมาณ 15 - 40%

จากมูลค่าที่ได้จากเทคนิคปัญญาประดิษฐ์แบบดั้งเดิมและการเรียนรู้ของเครื่องหรือแมชีนเลิร์นนิง แต่ทั้งนี้องค์กรต่างๆ ไม่ควรสนใจเพียงกระแสของ Generative AI เท่านั้น แต่ควรให้ความสำคัญกับปัญญาประดิษฐ์แบบดั้งเดิมที่ยังคงมีศักยภาพสูงในการช่วยสร้างมูลค่าให้ด้วย

งานสายเทคขาดแคลนหนัก

วันนี้ยังคงมีการแข่งขันสูงในการว่าจ้างแรงงานสายเทคซึ่งยังคงเป็นกลุ่มขาดแคลน และยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโต จากการสำรวจประกาศรับสมัครงานกว่า 3.5 ล้านตำแหน่ง

พบด้วยว่า จากค่าเฉลี่ยโลก หลายทักษะที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดนั้นมีผู้ที่มีคุณสมบัติเพียงพอน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของแต่ละประกาศเท่านั้น

ในทุกๆ ภาคธุรกิจ จึงต้องอาศัยการคิดเชิงกลยุทธ์ในแต่ละองค์กรในด้านการบริหาร tech talent ในภาพรวม ขณะที่ระบบอัตโนมัติต่างๆ ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วจะทำให้องค์กรต้องคิดแผนรองรับในการช่วยเหลือพนักงานในการเปลี่ยนผ่านสู่สายงานต่างๆ

ข้อมูลระบุว่า แม้การประกาศรับสมัครงานในภาพรวมของเศรษฐกิจจะลดลงกว่า 13% ระหว่างปี 2564 ถึง 2565 ทว่าการประกาศรับสมัครงานในสายงานที่เกี่ยวข้องกับเทรนด์ใหม่ๆ ด้านเทคโนโลยีกลับเพิ่มขึ้นกว่า 15%

ขณะเดียวกัน มีการพัฒนาของเทคโนโลยีต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นมาตลอด เช่น สายงานการพัฒนาซอฟต์แวร์รุ่นถัดไป หรือ Next-Generation Software เป็นตำแหน่งงานที่มีการเติบโตมากที่สุด

โลกเทคโนโลยีไม่แน่นอน

การลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นเทรนด์ส่วนใหญ่ลดลงในทุกปี แต่ยังคงมีศํกยภาพในการเติบโตสูง และการลงทุนในเทรนด์เทคโนโลยีต่างๆ ก็ยังคงมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์รวมกันในปี 2565 ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นอย่างใหญ่หลวง

ขณะที่ การลงทุนในเทรนด์จำพวก Trust Architecture และอัตลักษณ์ดิจิทัล หรือ Digital Identity เติบโตกว่า 50% ในปีที่แล้ว อีกทางหนึ่งมีหลายๆ เทรนด์ที่มีมูลค่าการลงทุนลดลงจากจุดสูงสุดในปี 2564 เช่น เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ (ลดลงประมาณ 40%) Cloud and Edge Computing ( ลดลงประมาณ 50%) อนาคตของพันธุวิศวกรรม หรือ Future of Bioengineering ( ลดลงประมาณ 60% )

นอกจากนี้ การลงทุนกับเทคโนโลยีที่มีการพัฒนามาเต็มที่แล้ว (Mature Technology) อาจขึ้นอยู่กับงบประมาณระยะสั้นมากกว่ากลุ่มเทคโนโลยีที่มีการลงทุนระยะยาว และสุดท้าย เนื่องจากเทคโนโลยีบางอย่างนั้นทำกำไรได้มากกว่า บ่อยครั้งมันจึงสามารถพัฒนาต่อยอดได้มากกว่าด้วยเงินลงทุนที่น้อยกว่าเดิม

โฟกัสให้ถูกจุด 

การให้ความสำคัญกับเทรนด์ที่อยู่ในกระแสมากเกินไปอาจเป็นอุปสรรคต่อการสร้างศักยภาพองค์กร องค์กรที่ต้องการการเติบโตระยะยาวควรให้ความสำคัญกับการลงทุนในเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดต่อธุรกิจขององค์กรมากกว่า

แม้ว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Generative AI กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก แต่เทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างมั่นคง เช่น Cloud & Edge Computing, อนาคตของพันธุวิศวกรรม หรือ Future of Bioengineering ก็ยังคงมีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในหลากหลายอุตสาหกรรม และยังมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น เช่น ควอนตัม ก็ยังคงมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องและแสดงให้เห็นศักยภาพในการสร้างมูลค่าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ