‘การ์ทเนอร์’ จับกระแสโลกไอที ยุค GenAI เปลี่ยนเกมธุรกิจ

“ผู้ให้บริการเทคโนโลยีแทบทุกรายต่างวาง Generative AI หรือ GenAI ไว้เป็นวาระสำคัญทางเทคนิคและผลิตภัณฑ์”

เอริค ฮันเตอร์ รองประธานบริหาร การ์ทเนอร์ กล่าว พร้อมให้ข้อมูลว่า เทคโนโลยีนี้มีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนการวางกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และการเติบโตของผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยี ไปจนถึงการใช้เป็นเครื่องมือในชีวิตประจำวันของผู้ร่วมงาน

อย่างไรก็ตาม แม้ GenAI จะมีศักยภาพต่อการปรับเปลี่ยนของผู้ให้บริการ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลที่ผู้นำเทคโนโลยีต้องเผชิญเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีจุดที่สร้างความท้าทายใหม่ๆ อยู่ในแผนการเติบโต

เน้นกลยุทธ์ ‘Growth At All Costs’

การ์ทเนอร์ รวบรวมแนวโน้มทางเทคโนโลยีที่สำคัญในปี 2567 ซึ่งควรจับตามอง ขณะเดียวกันสะท้อนไปถึงการสร้างสมดุลระหว่างโอกาสระยะสั้นและความได้เปรียบที่จะเกิดในระยะยาว

การเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพของบริษัทไฮเทค (Efficient Growth for High Tech) : การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของการใช้จ่ายไอทีช่วงทศวรรษที่ผ่านมาส่งผลบวกต่อบริษัทไฮเทคทำให้บริษัทเหล่านี้เติบโตได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงต้นทุนโดยรวม

นี่คือกลยุทธ์ที่เรียกว่า “Growth At All Costs” ที่บริษัทไฮเทคยึดมั่นในแผนผลิตภัณฑ์ องค์กร และการจ้างงาน โดยคาดการณ์การเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง

เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้นในหมู่ผู้ซื้อและยังมีการเพิ่มขึ้นของต้นทุนเงินลงทุนที่เปลี่ยนให้นักลงทุนหันไปมุ่งเน้นการเติบโตของผลกำไร

ความสัมพันธ์ใหม่ของผู้ให้บริการไอทีระดับองค์กร (New Enterprise IT-Provider Relationships) : ความต้องการทางธุรกิจและทางเทคนิคที่เพิ่มขึ้นทำให้องค์กรไอทีต้องขยายการให้บริการที่มากขึ้น ลึกขึ้นและมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น

ต้องยืนภายใต้โจทย์ ‘ความยั่งยืน’

ธุรกิจเน้นความยั่งยืนจะเติบโตยิ่งขึ้น (Sustainable Business Grows Up) : ความพยายามในด้านความยั่งยืนและการจัดการผลกระทบ ESG ได้รับการให้ความสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงภายในและยึดตามหลักปฏิบัติที่กำหนด

ปัญญาประดิษฐ์ปลอดภัย (AI Safety) : ความปลอดภัยเอไอและเอไอที่มีความรับผิดชอบไม่ใช่แนวคิดใหม่ แต่การพัฒนาอย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของเทคโนโลยี GenAI กระตุ้นให้เกิดการพูดคุยเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงและวิธีการจัดการกับปัญหาที่เพิ่มขึ้น

การมองในแง่ร้ายของผู้ซื้อที่เพิ่มขึ้น (Rising Buyer Pessimism) : ช่วงสามปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสังเกตเห็นผลกระทบเชิงลบในช่องทางการขายมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ซื้อรายใหม่ๆ ขัดแย้งกับโมเดลการเข้าสู่ตลาด หรือ Go-To-Market (GTM) ที่ล้าสมัย

หากไม่มีการปรับแนวทางการขายและการตลาดเพื่อตรวจจับและตอบสนองต่อการมองโลกในแง่ร้ายของผู้ซื้อ บริษัทเทคโนโลยีจะมองเห็นการดำเนินงานโมเดล GTM ของตนเองลดลงทั้งจากมุมมองภายในและภายนอก

โมเดล AI แบบรู้สร้างที่มีความเฉพาะเจาะจง (Vertical Generative AI Models) : แม้ว่าโมเดลสำหรับใช้งานทั่วไปของเอไอจะทำงานได้ดีกับชุดแอปพลิเคชัน GenAI ที่หลากหลาย แต่ก็อาจใช้ไม่ได้กับเคสการใช้งานในระดับองค์กรจำนวนมากที่ต้องใช้ข้อมูลโดเมนเฉพาะ

‘คลาวด์’ จุดเปลี่ยนผลลัพธ์ธุรกิจ

ประสบการณ์ด้านการตลาดส่วนบุคคล (Personalized Marketplace Experiences) : มาร์เก็ตเพลสดิจิทัลที่มีความเฉพาะและพิเศษกำลังเกิดขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้ซื้อจัดการกับความซับซ้อนด้านการจัดหา นำไปใช้ และผสมผสานโซลูชัน

การ์ทเนอร์คาดการณ์ไว้ว่า ในปี 2568 การโต้ตอบการขายระหว่างซัพพลายเออร์และผู้ซื้อราว 80% จะเกิดขึ้นผ่านช่องทางดิจิทัล

อุตสาหกรรรมคลาวด์เพิ่มการเติบโต (Industry Cloud Delivers Growth) : ผู้ให้บริการ ไฮเปอร์สเกลเลอร์ ผู้ขายซอฟต์แวร์อิสระ (ISV) และ SaaS กำลังหันมาใช้โซลูชันเฉพาะเพื่อส่งมอบผลลัพธ์ของลูกค้าที่จะขับเคลื่อนการเติบโตให้แก่บริษัท

การ์ทเนอร์คาดว่า ภายในปี 2570 ผู้ให้บริการเทคโนโลยีมากกว่า 50% จะใช้แพลตฟอร์มคลาวด์อุตสาหกรรมเพื่อมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจ เพิ่มขึ้นจากเดิมในปี 2566 ที่มีน้อยกว่า 5%

PLG และ Value Converge สำหรับ Hybrid GTM : การเติบโตที่นำโดยผลิตภัณฑ์ หรือ Product-led-growth (PLG) มุ่งเน้นไปที่การแสดงคุณค่าต่อผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ สร้างสัญญาณความตั้งใจที่ทีม GTM สามารถใช้กับผู้ซื้อกลุ่มใหม่ๆ ได้

บริษัทส่วนใหญ่ที่ใช้ PLG GTM เริ่มตระหนักว่า ในกรณีส่วนใหญ่ การเคลื่อนไหว GTM แบบบริการตนเอง 100% นั้นไม่สามารถเชื่อถือได้ เมื่อถึงจุดหนึ่ง ผู้ขายจะต้องมีส่วนร่วมในการแปลงข้อตกลง ผู้ซื้อต้องการมูลค่าทางธุรกิจและผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้

การตลาดและการขายที่แม่นยำ (Precision Marketing and Sales) : ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว อาทิ GenAI การซื้อผ่านดิจิทัลและเมตาเวิร์ส กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้ให้บริการเทคโนโลยีทำการตลาดและขายเทคโนโลยี