จับตา '5 เทรนด์' สร้างจุดเปลี่ยนยุค Gen AI
บิสกิต โซลูชั่น เปิด 5 เทรนด์ ทรงอิทธิพล จุดเปลี่ยนการใช้เทคโนโลยีเอไอ แนะธุรกิจตื่นตัว เร่งเรียนรู้ ประยุกต์ใช้ต่อยอดสร้างแต้มต่อการเติบโต
สุทธิพันธุ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทบิสกิตโซลูชั่นจำกัด (BIZCUIT Solution) เผยว่า Generative AI หรือ Gen AI ยังเป็นกระแสที่มาแรงที่สุดในปีนี้
ปัจจุบัน ภาคธุรกิจและองค์กรต่างตื่นตัวเรียนรู้ หาแนวทางนำมาประยุกต์ใช้ ยกระดับศักยภาพธุรกิจเพื่อไม่ให้ถูกเทคโนโลยีดิสรัปชันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม บางส่วนยังคงมีความกังวลว่าเอไอจะเข้ามาแทนที่มนุษย์ซึ่งบิสกิตมองว่าในปี 2567 นี้ Gen AI กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงอีกระดับ ซึ่งจะกระทบต่อการนำมาใช้ โดย พบ 5 เทรนด์ที่ควรจับตามอง ดังนี้
More Open Source AI: ตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปี2566เป็นต้นมามีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่กระโดดลงมาทำGen AIและมุ่งหวังให้เป็นเอไอแบบOpen Sourceให้ผู้พัฒนาสามารถนำไปใช้หรือพัฒนาต่อได้อย่างอิสระ
ดังนั้น Gen AI จะถูกใช้ในวงกว้างมากขึ้นอย่างแน่นอน และจะมาในรูปแบบของบริการที่ผู้พัฒนาอิสระต่างๆ นำไปต่อยอดจากเทคโนโลยีOpen Sourceภายใต้บริการของตนเอง ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้เกิดปริมาณการใช้งานGen AIแบบก้าวกระโดดในปี2567
Multimodal Gen AI: การสร้างเอไอแบบMulti Modalจะสอนเอไอด้วยภาพ ตัวอักษร เสียง หรือ แม้แต่อุณหภูมิ พร้อมๆ กันเอไอที่ถูกสร้างขึ้นจากข้อมูลหลายประเภท จะมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ได้ใกล้เคียงกับมนุษย์มากยิ่งขึ้น เพื่อให้เอไอประมวลผลหาคำตอบด้วยบริบทของข้อมูลหลายมิติ ไม่ใช่แค่ข้อมูลประเภทใดประเภทหนึ่ง
เหมือนที่ ChatGPTหรือGoogle Bard ซึ่งเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นGeminiในปัจจุบันต่างถูกสอนด้วยข้อมูลที่เป็นตัวอักษรเพียงอย่างเดียวก่อนหน้านี้ โดยเอไอในสาขาComputer Visionนั้นต่างเริ่มสร้างเอไอด้วยวิธีMulti Modalนี้มาระยะหนึ่งแล้ว
AI Governance: ในปี 2567 นี้ จะมีความชัดเจนทั้งในแง่ข้อบังคับ ข้อปฏิบัติมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะมีทั้งผู้ที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์จากการมีข้อบังคับเหล่านี้
โดยกฎระเบียบ ข้อบังคับ ผลทางกฎหมายของการนำเอไอไปใช้ หรือการได้มาซึ่งเอไอจะมีการพัฒนาและมีผลบังคับใช้ที่ชัดเจนขึ้น
AI Enhanced Work Force: สิ่งที่กำลังจะได้เห็นกันในปี 2567 คือการที่แต่ละสาขาวิชาชีพจะถูกเพิ่มศักยภาพแบบก้าวกระโดดด้วยเอไอ ที่ผ่านมาโลกเคยพบกับการก้าวกระโดดในผลผลิตของสายการผลิตด้วยการนำหุ่นยนต์มาช่วยมนุษย์มาแล้ว และสิ่งที่กำลังจะเห็นในอนาคตคือเอไอจะมาช่วยอาชีพต่างๆ ในแง่การเพิ่มประสิทธิภาพ
ดังนั้นมนุษย์จำเป็นจะต้องเรียนรู้การใช้งาน Gen AI เช่นเดียวกับการเรียนรู้ใช้คอมพิวเตอร์ หรือ เครื่องพิมพ์ดีด จากการเก็บข้อมูลของCBINSIGHTSเงินลงทุนกว่า 2,500 ล้านดอลลาร์ถูกทุ่มให้กับการพัฒนาเอไอเพื่อเป็นผู้ช่วยของมนุษย์
Deep Science Powered by AI - AI: กำลังเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก ทั้งด้านการแพทย์ ในเรื่องของพันธุกรรม ไปจนถึงการคิดค้นยาใหม่ๆ หรือด้านวัสดุศาสตร์ (Material Science) ที่เอไอชั้นนำอย่าง GNoME ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีDeep Learning สามารถสร้างแนวคิดของวัสดุรูปแบบใหม่มากถึง 380,000 รายการ
เทียบเท่าการที่มนุษย์ต้องใช้เวลากว่า 800 ปีในการทดลอง ซึ่งแน่นอนว่ามนุษย์จะมีวัสดุที่มีคุณสมบัติใหม่ๆ ที่สามารถนำมาผลิตเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้มากยิ่งขึ้นไปอีก
“ยุคที่ Gen AI สร้างแรงกระเพื่อมต่อทุกธุรกิจ ธุรกิจควรตื่นตัว นำเทรนด์ที่เกิดขึ้นไปต่อยอดโดยนำมาใช้ให้เหมาะสมกับบริบทขององค์กร ซึ่งตัวเลือกของเอไอและต้นทุนในการใช้บริการจะมีความหลากหลายมากขึ้นหลายเท่าตัว”