มีอะไรใหม่ใน 'iPad' รุ่นใหม่ ที่เปิดตัวใน Apple Event รอบนี้ แบบที่ไม่เคยมีมา
ส่องสเปกและคุณสมบัติใหม่ที่ "Apple" ใส่มาใน "iPad" ทุกรุ่นที่เปิดตัวสดๆ ร้อนๆ ในงาน "Apple Event" รอบนี้ หลังไม่ได้เปิดตัว iPad รุ่นใหม่มาสองปี
หลังจากทิ้งช่วงไปหนึ่งปี ทำให้ iPad เป็นผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่ไม่ได้มีการเปิดตัวร่วมสองปี กลับมาคราวนี้ Apple จึงยกให้งาน Apple Event รอบนี้เป็นเสมือนงานสำหรับ iPad โดยเฉพาะ
และนี่คือสเปกใหม่และคุณสมบัติใหม่ของ iPad Air และ iPad Pro ที่เปิดตัวในวันนี้
iPad Air กับขนาดใหม่และประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม
เริ่มที่ iPad Air กันก่อน แน่นอนว่าความบางเบาคือหัวใจของ iPad รุ่นนี้ แต่คราวนี้ iPad Air ยกเครื่องใหม่ทั้งเรื่องขนาดและประสิทธิภาพในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
อย่างแรกคือเรื่องขนาดหน้าจอที่มีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 11 นิ้ว กับ 13 นิ้ว โดย iPad Air รุ่น 11 นิ้ว ที่ออกแบบใหม่นั้นพกพาสะดวกสุดๆ ส่วนผู้ใช้ที่ต้องการจอภาพที่ใหญ่ขึ้น iPad Air รุ่น 13 นิ้วใหม่ ก็ตอบโจทย์มากๆ เพราะมีพื้นที่หน้าจอมากกว่ารุ่น 11 นิ้ว ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ทั้งสองรุ่นมาพร้อมจอภาพสุดล้ำในดีไซน์ Liquid Retina, การเคลือบหน้าจอป้องกันแสงสะท้อน, เทคโนโลยี True Tone, ความสว่างสูง และรองรับขอบเขตสีกว้างแบบ P3
ต่อมาคือกล้องหน้าที่วางตำแหน่งใหม่เป็นแนวนอน กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ 12MP บน iPad Air ถูกออกแบบใหม่มาอยู่บนขอบแนวนอน โดยมาพร้อมคุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลาง ซึ่งใช้การเรียนรู้ของระบบ (ML) เพื่อปรับให้ทุกคนอยู่ในเฟรมโดยอัตโนมัติ ตำแหน่งกล้องใหม่นี้อยู่ในแนวที่ผู้ใช้ iPad Air ใช้งานบ่อยที่สุด ไม่ว่าจะ FaceTime หรือเข้าร่วมการประชุมผ่านวิดีโอในขณะที่ใช้งานคีย์บอร์ดบน iPad Air ไปด้วย
ขณะที่กล้องหลังไวด์ 12MP บน iPad Air นั้นถ่ายภาพความละเอียดสูงและวิดีโอระดับ 4K ที่มีรายละเอียดครบครันพร้อมการรองรับสโลว์โมชั่น ที่ 240 fps ไมโครโฟนคู่ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับกล้องอย่างลงตัว โดยบันทึกเสียงจากกล้องที่ใช้งานอยู่ และลดเสียงรบกวนรอบข้างให้เหลือน้อยที่สุด iPad Air ใหม่ยังมีลำโพงสเตอริโอในแนวนอนพร้อมระบบเสียงตามตำแหน่งอีกด้วย โดยรุ่น 13 นิ้วจะให้คุณภาพเสียงที่ดียิ่งขึ้นพร้อมเบสที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ต่อมาคือการที่ iPad Air ยกระดับประสิทธิภาพด้วย ชิป M2 เป็นยกอัปเกรดครั้งใหญ่ของ iPad Air ด้วย CPU แบบ 8-core และ GPU แบบ 10-core ที่เร็วยิ่งขึ้น ชิป M2 เป็นชิปอันทรงพลังที่ได้รับการปรับปรุงให้เหนือกว่าชิป M1 ในหลายๆ ด้าน จึงเรียกได้ว่ามีประสิทธิภาพแบบก้าวกระโดดสำหรับผู้ที่อัปเกรดจาก iPad Air รุ่นก่อนหน้า และเมื่อรวมกับแบนด์วิดท์หน่วยความจำที่เร็วขึ้นด้วยแล้ว iPad Air ใหม่จึงเร็วกว่า iPad Air รุ่นก่อนหน้าที่มีชิป M1 เกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ สำหรับงานและการสร้างสรรค์ทุกประเภท และเมื่อเปรียบเทียบกับ iPad Air ที่ใช้ชิป A14 Bionic จะพบว่า iPad Air ใหม่มีประสิทธิภาพเร็วขึ้นสูงสุด 3 เท่า
นอกจากนี้ ชิป M2 ทำให้ iPad Air ใหม่เป็นอุปกรณ์ที่น่าทึ่งสำหรับ AI เพราะมาพร้อม Neural Engine แบบ 16-core ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเร็วกว่าชิป M1 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งเมื่อผนึกกำลังกับตัวเร่งความเร็ว ML ใน CPU และ GPU ที่ทรงพลังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ของระบบบนอุปกรณ์ ควบคู่ไปกับสถาปัตยกรรมหน่วยความจำแบบรวมของ Apple Silicon ด้วยแล้ว iPad Air จึงมอบประสิทธิภาพด้าน AI ได้อย่างยอดเยี่ยม เช่น ค้นดูจากภาพ ดึงตัวแบบออกจากพื้นหลัง และข้อความในภาพ ยิ่งไปกว่านั้น iPad Air ยังรองรับโซลูชันแบบคลาวด์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ใช้งานแอปเพื่อการทำงานและการสร้างสรรค์สุดล้ำที่อาศัยความสามารถของ AI อย่าง Microsoft Copilot สำหรับ Microsoft 365 และ Adobe Firefly ได้
iPad Pro ที่สุดของ iPad กับความใหม่แบบ All New
เป็นการพลิกโฉม iPad Pro ครั้งสำคัญเมื่อ Apple ได้เปลี่ยนดีไซน์ให้ iPad Pro รุ่นใหม่นี้บางมาก บางที่สุดในผลิตภัณฑ์ของ Apple เท่าที่เคยมีมา โดยรุ่น 11 นิ้ว บางเพียง 5.3 มม. ส่วนรุ่น 13 นิ้ว บางยิ่งกว่าที่ 5.1 มม. ในขณะที่ทั้งสองรุ่นมีความแข็งแกร่งไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้า รุ่น 11 นิ้ว มีน้ำหนักไม่ถึง 500 กรัม ส่วนรุ่น 13 นิ้ว มีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนหน้าถึงประมาณ 100 กรัม ช่วยให้ผู้ใช้ระดับโปรขยับขยายเวิร์กโฟลว์ด้วยวิธีใหม่ๆ ในหลากหลายที่มากขึ้น
สำหรับหน้าจอของ iPad Pro ใหม่ คือ Ultra Retina XDR ซึ่งเป็นจอภาพที่ล้ำหน้าที่สุดในโลกเพื่อมอบประสบการณ์ด้านภาพที่สวยงามประทับใจยิ่งขึ้น โดยจอภาพ Ultra Retina XDR มาพร้อมเทคโนโลยี OLED สองชั้นสุดล้ำที่ใช้แผง OLED สองแผง และรวมแสงจากทั้งสองแผงเข้าด้วยกันเป็นความสว่างแบบเต็มหน้าจอในระดับปรากฏการณ์ iPad Pro ใหม่จึงรองรับความสว่างเต็มหน้าจอสูงถึง 1,000 นิต สำหรับคอนเทนต์ SDR และ HDR และมีความสว่างเฉพาะจุดสูงสุด 1,600 นิต ซึ่งไม่มีอุปกรณ์ไหนจะมีช่วงไดนามิกที่กว้างถึงขีดสุดในระดับนี้ได้
และสำหรับผู้ใช้ระดับโปรที่ทำงานกับเวิร์กโฟลว์ขั้นสูงที่ต้องมีการจัดการด้านสี หรือเมื่ออยู่ในสภาพแสงที่ท้าทาย ก็มีตัวเลือกกระจกผิวนาโนใหม่ให้เลือกสำหรับ iPad Pro เป็นครั้งแรกด้วย กระจกผิวนาโนมีการสลักพื้นผิวด้วยความแม่นยำระดับนาโนเมตรเพื่อรักษาคุณภาพของภาพและคอนทราสต์พร้อมๆ กับทำให้เกิดการกระเจิงของแสงเพื่อลดแสงสะท้อนให้น้อยลง ซึ่งเมื่อรวมทั้งเทคโนโลยี OLED สองชั้นสุดล้ำ, ความสว่างขั้นสุด, คอนทราสต์ที่แม่นยำน่าทึ่ง, สีสันที่สดใส และตัวเลือกกระจกผิวนาโนเข้าด้วยกันแล้ว จอภาพ Ultra Retina XDR ใหม่จึงเป็นจอภาพที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก
สำหรับชิปที่อยู่ใน iPad Pro เป็นไปตามคาดคือ M4 ชิปใหม่สุด นี่จึงเป็นผลิตภัณฑ์แรกที่ได้ใช้ชิป M4 ซึ่งเป็น Apple Silicon เจเนอเรชั่นถัดไปที่อัดฉีดประสิทธิภาพให้แรงขึ้นแบบก้าวกระโดด ชิป M4 สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตร รุ่นที่ 2 ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับดีไซน์ของ iPad Pro ใหม่
นอกจากนี้ชิป M4 ยังใช้เทคโนโลยีที่เป็นการบุกเบิกวงการอย่างเอนจิ้นจอภาพแบบใหม่หมดที่ทำให้จอภาพ Ultra Retina XDR โดดเด่นทั้งในด้านความแม่นยำ สีสัน และความสว่าง ส่วน CPU ใหม่ประกอบด้วยคอร์ด้านประสิทธิภาพสูงสุด 4 คอร์ และวันนี้มาพร้อมคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 6 คอร์ พร้อมด้วยตัวเร่งความเร็วด้านการเรียนรู้ของระบบ (ML) เจเนอเรชั่นถัดไป จึงมีประสิทธิภาพ CPU ที่เร็วกว่าชิป M2 ใน iPad Pro รุ่นก่อนหน้าสูงสุด 1.5 เท่า
และชิป M4 ยังสร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรม GPU ของชิป M3 นั่นคือ GPU แบบ 10-core ที่มีคุณสมบัติอันทรงพลังอย่าง Dynamic Caching รวมถึงเรย์เทรซซิ่งและการให้แสงเงาแบบเมชที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ ซึ่งวันนี้มาอยู่บน iPad เป็นครั้งแรก และเมื่อรวมเข้ากับแบนด์วิดท์หน่วยความจำแบบรวมที่สูงขึ้นแล้ว ทำให้แอปด้านการเรนเดอร์ระดับโปรอย่าง Octane ทำงานได้เร็วกว่าชิป M2 สูงสุด 4 เท่า และชิป M4 ยังมีประสิทธิภาพต่อวัตต์เพิ่มสูงขึ้นมากจนอยู่ในชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมอีกด้วย
ซึ่งเมื่อเทียบกับชิป M2 แล้ว ชิป M4 มีประสิทธิภาพในระดับเดียวกันโดยใช้พลังงานเพียงแค่ครึ่งเดียว และเมื่อเทียบกับชิป PC ในแล็ปท็อปที่บางเบาแล้ว ชิป M4 มีประสิทธิภาพในระดับเดียวกันโดยใช้พลังงานเพียง 1 ใน 4 เท่านั้น และยังมาพร้อมมีเดียเอนจิ้นใหม่สุดล้ำที่รองรับการถอดรหัส AV1 จึงเล่นวิดีโอความละเอียดสูงจากบริการสตรีมมิ่งในแบบที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น
ด้วยพลังอันล้นเหลือ จึงทำให้ iPad Pro ใหม่กลายเป็นอุปกรณ์ที่ทรงพลังสำหรับ AI ช่วยให้ผู้ใช้ iPad Pro พร้อมชิป M4 ทำงานที่รองรับ AI ได้เร็วยิ่งขึ้น อย่างการแยกตัวแบบออกจากฉากหลังในวิดีโอ 4K ได้ง่ายๆ โดยการแตะครั้งเดียวด้วย Scene Removal Mask ใน Final Cut Pro และด้วยประสิทธิภาพที่แรงขนาดนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Neural Engine ในชิป M4 จะทรงพลังยิ่งกว่าหน่วยประมวลผลแบบนิวรอลใน PC ที่รองรับ AI ทั้งหมดในตอนนี้
ระบบกล้องใน iPad Pro ได้รับการอัปเดตให้มีความอเนกประสงค์มากยิ่งขึ้น และยิ่งมีระบบเสียงที่เต็มอิ่มจากไมโครโฟน 4 ตัวคุณภาพระดับสตูดิโอด้วยแล้ว ผู้ใช้จึงสามารถถ่าย ปรับแต่ง และแชร์ทุกอย่างได้จากอุปกรณ์เครื่องเดียว กล้องหลัง 12MP ถ่ายภาพและวิดีโอด้วยคุณสมบัติ HDR อัจฉริยะได้อย่างสวยสดงดงาม ทั้งสีสันที่จัดจ้านยิ่งขึ้น พื้นผิวที่คมชัดยิ่งขึ้น และรายละเอียดในสภาพแสงน้อยที่ครบยิ่งกว่าเดิม และวันนี้ยังมาพร้อมกับแฟลช True Tone ใหม่ที่ปรับตามสภาวะ ซึ่งช่วยให้ iPad Pro สแกนเอกสารได้ดียิ่งกว่าที่เคย ยิ่งกว่านั้น iPad Pro ใหม่ยังใช้ AI เพื่อระบุประเภทเอกสารตั้งแต่ในแอปกล้องโดยอัตโนมัติ และหากเจอเงาก็จะถ่ายภาพหลายภาพด้วยแฟลชใหม่ที่ปรับตามสภาวะ แล้วนำมาต่อเข้าด้วยกันเป็นภาพสแกนที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน
iPad Pro ใหม่มีระบบกล้อง TrueDepth ด้านหน้าย้ายไปอยู่ในตำแหน่งแนวนอนบน iPad Pro ใหม่ โดยมีกล้องอัลตร้าไวด์ 12MP พร้อมคุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลางหรือ Center Stage ซึ่งช่วยให้การประชุมแบบวิดีโอในแนวนอนดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะเวลาที่ติด iPad เข้ากับ Magic Keyboard หรือ Smart Folio
อุปกรณ์เสริมรุ่นใหม่ เปลี่ยน iPad เป็น MacBook ที่เหนือกว่า
นอกจากตัว iPad Air และ iPad Pro จะยกเครื่องใหม่แล้ว อุปกรณ์เสริมที่ใช้ร่วมกันก็ยกระดับไปอีกขั้น ทั้ง Apple Pencil Pro, Magic Keyboard และ Smart Folio แบบใหม่หมด
สำหรับ Apple Pencil Pro มาพร้อมความสามารถที่มหัศจรรย์มากยิ่งขึ้นและการโต้ตอบใหม่ๆ อันทรงพลังที่จะยกระดับประสบการณ์ Apple Pencil ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เซ็นเซอร์ใหม่ที่อยู่ในด้ามสามารถรับรู้เมื่อผู้ใช้บีบ และจะแสดงชุดเครื่องมือเพื่อให้ผู้ใช้สลับเครื่องมือ น้ำหนักเส้น และสีได้อย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนี้โดยไม่รบกวนกระบวนการสร้างสรรค์
ส่วนเอนจิ้นแบบสั่นที่ออกแบบมาโดยเฉพาะจะสั่นเบาๆ เพื่อยืนยันเมื่อผู้ใช้บีบ แตะสองครั้ง หรือคลิกไปที่ Smart Shape เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่เป็นธรรมชาติอย่างน่าทึ่ง นอกจากนี้ยังมีไจโรสโคปที่ให้ผู้ใช้หมุน Apple Pencil Pro เพื่อควบคุมเครื่องมือที่ใช้อยู่ได้อย่างแม่นยำ เพียงแค่หมุนด้ามก็เปลี่ยนแนวของเครื่องมือประเภทปากกาและแปรงรูปทรงต่างๆ เช่นเดียวกับการใช้ปากกาและกระดาษจริงๆ และยังใช้การยกปลาย Apple Pencil เพื่อดูแนวการหมุนของเครื่องมือได้อย่างแม่นยำก่อนจะลงมือเขียนอีกด้วย
Apple Pencil Pro ยังรองรับแอปค้นหาของฉัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับ Apple Pencil ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหา Apple Pencil Pro ได้หากทำหาย ทั้งยังจับคู่ ชาร์จ และจัดเก็บด้วยแม่เหล็กโดยการติดไว้ด้านข้างของ iPad Pro ได้อีกด้วย ยิ่งกว่านั้น iPad Pro ยังรองรับ Apple Pencil (USB-C) ซึ่งเหมาะสำหรับการจดโน้ต สเก็ตช์ ใส่คำอธิบายประกอบ เขียนบันทึก และอีกมากมาย
ส่วน Magic Keyboard แบบใหม่หมดที่ทั้งบางและเบาขึ้นได้รับการออกแบบมาสำหรับ iPad Pro ใหม่เพื่อให้พกพาง่ายและอเนกประสงค์ยิ่งขึ้น โดย Magic Keyboard ใหม่นั้นมาในดีไซน์มหัศจรรย์แบบยกลอยที่ลูกค้าชื่นชอบ และวันนี้ยังมาพร้อมกับแถวปุ่มฟังก์ชั่นสำหรับเรียกใช้คุณสมบัติต่างๆ อย่างความสว่างหน้าจอและการควบคุมระดับเสียง อีกทั้งยังมีที่พักมืออะลูมิเนียมอันสวยงามและแทร็คแพดกระจกขนาดใหญ่ขึ้นที่ใช้งานได้รวดเร็วทันใจยิ่งขึ้นและยังตอบสนองแบบสั่นได้ด้วยเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่รู้สึกเหมือนกำลังใช้ MacBook
และ Magic Keyboard ใหม่ยังติดเข้ากับ iPad ด้วยแม่เหล็กโดยมี Smart Connector ที่จะเชื่อมต่อเพื่อจ่ายไฟและรับส่งข้อมูลในทันทีโดยไม่ต้องใช้ Bluetooth ส่วนบานพับอะลูมิเนียมที่ตัดแต่งด้วยเครื่องจักรก็มาพร้อมช่องต่อ USB-C สำหรับชาร์จ นอกจากนี้ Magic Keyboard ใหม่ยังมีให้เลือก 2 สีที่เข้ากับ iPad Pro ใหม่อย่างลงตัว นั่นคือสีดำพร้อมที่พักมืออะลูมิเนียมสีดำสเปซแบล็ค และสีขาวพร้อมที่พักมืออะลูมิเนียมสีเงิน
และ Smart Folio ใหม่สำหรับ iPad Pro ยึดติดด้วยแม่เหล็กและปรับองศาการมองได้หลากหลายเพื่อความยืดหยุ่นที่มากขึ้น โดยมีให้เลือกทั้งสีดำ สีขาว และสีฟ้าเดนิมที่เข้ากับ iPad Pro ใหม่ได้เป็นอย่างดี
ราคาและการวางจำหน่าย
iPad Air ใหม่ มีให้เลือกในสีฟ้าและสีม่วงใหม่ พร้อมด้วยสีสตาร์ไลท์และสีเทาสเปซเกรย์
- iPad Air รุ่น 11 นิ้ว ราคาเริ่มต้นเพียง 23,900 บาท
- iPad Air รุ่น 13 นิ้ว ราคาเริ่มต้นเพียง 29,900 บาท
ส่วน iPad Pro ใหม่ มีให้เลือก 2 สีสวยงาม นั่นคือสีเงินและสีดำสเปซแบล็ค ในรุ่นความจุ 256GB, 512GB, 1TB และ 2TB
- iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 39,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และ 47,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular
- iPad Pro รุ่น 13 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 52,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และ 60,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular
สำหรับอุปกรณ์เสริมต่างๆ มีดังนี้
- Apple Pencil Pro ใหม่ ใช้งานร่วมกับ iPad Pro ใหม่ได้ และมีจำหน่ายในราคา 4,990 บาท (Apple Pencil Pro มีจำหน่ายในราคาส่งเสริมการศึกษาที่ 4,600 บาท)
- Apple Pencil (USB-C) ใช้งานร่วมกับ iPad Pro ใหม่ และมีจำหน่ายในราคา 3,190 บาท (ราคาส่งเสริมการศึกษาที่ 2,790 บาท )
- Magic Keyboard ใหม่ ใช้งานร่วมกับ iPad Pro ใหม่ และมีให้เลือกทั้งสีดำและสีขาว โดย Magic Keyboard รุ่น 11 นิ้ว ใหม่มีจำหน่ายในราคา 11,990 บาท (ราคาส่งเสริมการศึกษาสำหรับ Magic Keyboard รุ่น 11 นิ้ว อยู่ที่ 11,200 บาท)
- Magic Keyboard รุ่น 13 นิ้ว มีจำหน่ายในราคา 13,990 บาท และมีเลย์เอาท์ให้เลือกมากกว่า 30 ภาษา (ราคาส่งเสริมการศึกษาสำหรับ Magic Keyboard รุ่น 13 นิ้ว อยู่ที่ 13,200 บาท )
- Smart Folio ใหม่มีจำหน่ายในราคา 3,390 บาท ในสีดำ สีขาว และสีฟ้าเดนิมสำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้วใหม่ และ 4,190 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 13 นิ้วใหม่