นับถอยหลัง แผนแม่บทคลื่นฯ ฉบับ 3 ภาคประชาชนร้องหา 'ความถี่' ที่ไม่ผลักภาระ
สำนักงาน กสทช. รับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาชนทั่วไป (Public Hearing) ต่อ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ ฉบับที่ 3
พลอากาศโทธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ด้านวิทยุกระจายเสียงเป็นประธานเปิดการประชุมการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ หรือ ประชาพิจารณ์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาชนทั่วไป (Public Hearing) ต่อ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง แผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. ...)
ทั้งนี้ ตนในฐานะประธานอนุกรรมการคลื่นความถี่และมาตรฐานทางเทคนิค กสทช. กล่าวว่า "แผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่เป็นเสมือนต้นน้ำของกระบวนการบริหารและจัดสรรคลื่นความถี่" และเป็นหน้าที่ของ กสทช. ตามที่กฎหมายได้บัญญัติให้ต้องจัดทำเป็นเรื่องแรก เพื่อให้มีแนวทางในการจัดสรรและใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ของประเทศไทย
รวมทั้งจัดทำตารางกำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติ (Frequency Allocation Table) ที่มีรายละเอียดคลื่นความถี่ในแต่ละย่านว่าสามารถใช้งานในกิจการใดได้
แต่ต้องสอดคล้องกับมาตรฐานสากลที่ ไอทียูกำหนดไว้ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจัดทำและปรับปรุงมาแล้ว 2 ฉบับ ในครั้งนี้จึงได้ปรับปรุงให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปรวมทั้งผลการประชุมวิทยุโทรคมนาคมระดับโลก หรือ “World RadiotelecommunicationsConference” หรือ WRC ที่ ITU ได้สรุปผลการประชุมไปในปีที่แล้ว”
โดยการปรับปรุงแผนแม่บทบริหารคลื่นความถี่ ในครั้งนี้จึงได้มีการปรับปรุงใน 2 ส่วนหลักกล่าวคือ ในส่วนของแผนแม่บทฯ ที่ยังคงมีวิสัยทัศน์ที่กำหนดให้ “บริหารคลื่นความถี่อันเป็นสมบัติของชาติ เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่าและทั่วถึง”
รวมทั้งยุทธศาสตร์ทั้ง 3 เช่นเดิม แต่ได้มีการปรับปรุง เป้าประสงค์ กลยุทธ์และตัวชี้วัดให้เหมาะสม และในส่วนของตารางกำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติที่ได้มีการปรับปรุงย่านคลื่นความถี่และข้อกำหนดเฉพาะของประเทศไทยให้สอดคล้องกับสากล
มีผู้แสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ เช่น ควรเน้นในเรื่องของความถี่ภาคประชาชนหรือจัดหาคลื่นความถี่ในลักษณะ unlicensed band เช่น คลื่นความถี่สำหรับ WiFi ให้มากขึ้น รวมทั้งการปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์หรือลดภาระ
ตลอดจนในอนาคตควรมีการศึกษาและจัดทำกรอบการวางแผนคลื่นความถี่ในอนาคต (Spectrum Outlook) ไม่ใช่เฉพาะสำหรับกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่สากล หรือ IMT เท่านั้น แต่สำหรับกิจการอื่น เช่น โทรคมนาคมประจำที่ (Fix Link) ซึ่งสำนักงาน กสทช. รับไว้พิจารณาต่อไป โดยประชาชนทั่วไปยังคงแสดงความคิดเห็นได้จนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2567
“คลื่นความถี่ถือว่าเป็นสมบัติของชาติที่มีมูลค่าทั้งทางตรงและทางอ้อมที่สูง และด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันบนโลกดิจิทัลในยุคไร้สายที่ต้องการให้การสื่อสารไปได้ทุกที่ ทุกเวลา รวมทั้งมีความต้องการในการนำคลื่นความถี่มาประยุกต์ใช้งานในหลายกิจการ แม้กระทั้งในรอบตัวเราปัจจุบันก็มีใช้คลื่นความถี่ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ วิทยุ โทรทัศน์ รีโมตคอนโทรน ไม้กันทางด่วน ไวไฟ บลูทูต ฯลฯ ล้วนต้องใช้คลื่นความถี่ทั้งสิ้น ไม่นับกิจการสื่อสารอื่นๆ ที่เกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรม ภาคพลังงาน หรือ ด้านความมั่นคง"
พลอากาศโทธนพันธุ์ เสริมว่า การทำให้ปัจจุบันคลื่นความถี่ถือเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด ทำให้กสทช.ต้องบริหารและจัดสรรคลื่นความถี่ให้มีประสิทธิภาพ คุ้มค่าและทั่วถึง อย่างแท้จริง ดังนั้นการจัดทำแผนแม่บทบริหารคลื่นความถี่จึงต้องมีความถูกต้องเหมาะสมที่สุด