แอนิเทค เดินเกมตลาดอาร์ตทอย ดึง ‘ซานริโอ’ สร้างจุดขาย

ยุคที่ตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดจากแบรนด์ต่างชาติ “แอนิเทค (Anitech)” ผู้นำตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สัญชาติไทย เปิดกลยุทธ์ใหม่ด้วยการจับมือกับ “ซานริโอ” บริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนชื่อดังระดับโลก เปิดตัวแคมเปญ “anitech Sanrio ART N'JOY COLLABORATION” ด้วยเงินลงทุนมูลค่า 10 ล้านบาท 

โธมัส-พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จำกัด เจ้าของแบรนด์แอนิเทค เปิดเผยว่า การร่วมมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การปรับตัวเพื่อรับมือกับสภาวะตลาดที่ท้าทาย โดยมุ่งเน้นการเจาะกระแสอาร์ตทอยที่กำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก ซึ่งมีมูลค่าตลาดสูงถึง 8,517.81 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะในทวีปเอเชียที่ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่าครึ่ง

แอนิเทคได้นำตัวละครยอดนิยมอย่าง Kuromi และ Bad Badtz-Maru มาออกแบบสินค้ากว่า 35 รายการ ครอบคลุมทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ภายในบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยตั้งเป้ายอดขายตลอดแคมเปญไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่อายุ 70 ปี

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการกระตุ้นยอดขายในประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการผลักดันสินค้าไทยสู่ตลาดโลก

โธมัส-พิชเยนทร์ ยังย้ำอีกว่า แม้จะเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์ต่างชาติ แอนิเทคยืนยันจุดยืนในการรักษาคุณภาพและราคาสินค้าในระดับกลางบน โดยไม่เข้าร่วมสงครามราคา แต่เน้นการสร้างความแตกต่างด้านคุณภาพและฟังก์ชันการใช้งาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจในศักยภาพของแบรนด์

ความสำเร็จของกลยุทธ์นี้เริ่มเห็นผลชัดเจนจากแคมเปญก่อนหน้าอย่าง anitech x PEANUTS คอลเลกชัน Snoopy ที่ส่งผลให้ภาพรวมของบริษัทในครึ่งปีแรกเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยกลุ่มสินค้า own brand เติบโตขึ้น 20% และช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้นถึง 1,000%

อย่างไรก็ตาม แอนิเทคยังคงมองภาพรวมธุรกิจในแง่บวก โดยคาดการณ์ว่ายอดขายในปี 2567 จะอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ทำได้ 280 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากการขายสินค้าแบรนด์แอนิเทคถึง 95% สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ในตลาด

การเปิดตัวแคมเปญร่วมกับซานริโอครั้งนี้ จึงไม่เพียงแต่เป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของแอนิเทคเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการปรับตัวและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงและการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่รวดเร็ว