AI แยกชิ้นยังไม่ตอบโจทย์ ‘Rabbit R1’ ยอดผู้ใช้ร่วง 95% ใน 5 เดือน

AI แยกชิ้นยังไม่ตอบโจทย์ ‘Rabbit R1’ ยอดผู้ใช้ร่วง 95% ใน 5 เดือน

ถอดบทเรียน Rabbit R1 เมื่อนวัตกรรม AI แยกชิ้น “ไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภค” หลังมียอดผู้ใช้งานประจำวันเหลือเพียง 5,000 คน จากยอดขาย 100,000 เครื่อง

Rabbit R1” อุปกรณ์ AI พกพาสีส้มสดใส เปิดตัวในแนวคิด “AI ผู้ช่วย” ท่ามกลางความคาดหวังอันสูง แต่กลับต้องเผชิญกับความจริงอันน่าผิดหวัง เนื่องจากยอดขาย 100,000 เครื่อง มีเพียง 5,000 คน หรือ 5% ของผู้ซื้อทั้งหมดที่ยังคงใช้งานเป็นประจำทุกวัน แม้จะผ่านมา 5 เดือนแล้วก็ตาม

Jesse Lyu ผู้ก่อตั้ง Rabbit เปิดเผยตัวเลขดังกล่าวกับ Fast Company พร้อมชี้แจงว่า บริษัทจำเป็นต้องเร่งวางจำหน่ายสินค้าก่อนที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จะทำได้ แม้ว่าผลิตภัณฑ์จะยังไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม

สถานการณ์นี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากช่วงต้นปีที่อุปกรณ์ AI ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม Rabbit R1 สร้างความฮือฮาหลังเปิดตัวในงาน CES ขณะที่ Humane AI Pin ก็สร้างความลึกลับน่าค้นหา หากแต่เมื่อวางจำหน่ายจริง ทั้งสองผลิตภัณฑ์กลับไม่สามารถทำได้ตามที่โฆษณาไว้ และถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภคได้

David Pierce นักวิจารณ์จากสำนักข่าว The Verge ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับ Rabbit R1 ว่า “อุปกรณ์ตัวนี้ดูเหมือนจะใช้งานได้ไม่สมบูรณ์” ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้คนเลิกใช้งาน และเมื่อเดือนที่แล้ว Humane ถึงกับต้องรับคืน AI Pin มากกว่ายอดขาย

แม้จะมีการถกเถียงกันว่าอุปกรณ์ AI แบบสแตนด์อโลนหรืออุปกรณ์แยกชิ้นควรมีรูปแบบอย่างไร หรือว่าอนาคตของมันคือการผสานเข้ากับสมาร์ทโฟน แต่ฟีเจอร์ AI ที่มีอยู่ในสมาร์ทโฟนปัจจุบันก็มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะทำให้อุปกรณ์ AI แบบแยกชิ้นดูไม่จำเป็น

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของแว่นตา Ray-Ban จาก Meta แสดงให้เห็นว่ายังมีโอกาสสำหรับอุปกรณ์ AI แบบสแตนด์อโลน รวมถึงความเป็นไปได้ของอุปกรณ์ OpenAI ที่ออกแบบโดย Jony Ive

Rabbit มีกำหนดจะอัปเดต “large action model” ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะช่วยให้อุปกรณ์สามารถเข้าสู่ระบบเว็บไซต์และทำงานต่างๆ เช่น จองตั๋วเครื่องบินหรือสั่งอาหารเย็นได้ตามคำสั่งเสียง แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะสามารถดึงดูดให้ผู้คนกลับมาใช้ Rabbit R1 อีกครั้งหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อ Apple และ Google ต่างก็กำลังพัฒนา AI แบบประมวลผลในเครื่อง ที่สามารถเข้าใจสิ่งที่อยู่บนหน้าจอและทำงานข้ามแอปพลิเคชันได้อย่างมีประสิทธิภาพ​​

อ้างอิง: The Verge