เดินหน้าเต็มกำลัง! ปากคำผู้นำ ‘Klook’ กับภารกิจพลิกโฉมการท่องเที่ยวยุค AI

เดินหน้าเต็มกำลัง! ปากคำผู้นำ ‘Klook’ กับภารกิจพลิกโฉมการท่องเที่ยวยุค AI

เปิดใจสองผู้บริหาร "Klook" จากวันแรกจนวันนี้สู่ภารกิจพลิกโฉมการท่องเที่ยวออนไลน์ ก้าวต่อไปยังยุค AI ในฐานะแอปจองประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มาแรงสุดของคนรุ่นใหม่

KEY

POINTS

  • 10 ปีแรกของ Klook เติบโตไปพร้อมกับกระแสที่เปลี่ยนจากออฟไลน์ไปสู่ระบบออนไลน์ และตอนนี้ Klook กลายเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และกำลังขยายไปยังยุโรปและอเมริกาเหนือ
  • ในไทย Klook ได้ทำงานร่วมกับผู้ประกอบการในประเทศไทยมาหลายปี และจัดงานที่กรุงเทพฯ โดยเชื่อมโยงครีเอเตอร์กับธุรกิจในท้องถิ่น เช่น เรือสำราญและสปา เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
  • Generative AI เป็นเครื่องมือที่ Klook กำลังมุ่งเน้นการลงทุน โดยการใช้ AI ในอนาคตจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของทีมงาน ตัวอย่างเช่นการใช้ AI เพื่อแปลภาษา ทำให้ให้บริการลูกค้าในหลากหลายภาษาพร้อมกันได้

ในยุคนี้ที่ทุกสิ่งปุบปับฉับไว Klook ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการจองประสบการณ์การท่องเที่ยวออนไลน์ของโลก ที่กำลังเป็นตัวเลือกแรกๆ ของคนรุ่นใหม่ที่กำลังแสวงหาประสบการณ์ใหม่บนความคุ้มค่าและสะดวกสบาย

กรุงเทพธุรกิจไอที ได้พูดคุยกับสองผู้บริหารของ Klook ทั้ง วิลเฟร็ด ฟาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายพาณิชย์ Klook และ เอริค น็อก ฟาห์ ประธานกรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง Klook และนี่คือมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในวงการท่องเที่ยว พร้อมกับทิศทางที่ Klook กำลังมุ่งหน้าไป

เดินหน้าเต็มกำลัง! ปากคำผู้นำ ‘Klook’ กับภารกิจพลิกโฉมการท่องเที่ยวยุค AI

ถ้าย้อนกลับไปช่วงปี 2000-2005 การจองโรงแรมออนไลน์ยังต้องใช้วิธี “ขอจอง” ซึ่งต้องรอถึง 24 ชั่วโมงกว่าจะได้รับการยืนยัน วิลเฟร็ดเล่าว่าเพียงไม่กี่ปีถัดมา ผู้บริโภคเริ่มรอไม่ได้อีกต่อไป การจองแบบยืนยันทันทีจึงเข้ามาแทนที่ และใช้เวลาถึง 5 ปีจนกระทั่งทั้งอุตสาหกรรมโรงแรมและการบินปรับตัวเป็นระบบออนไลน์เต็มรูปแบบ

“หลังจากปี 2010 ทุกอย่างเกี่ยวกับการจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมกลายเป็นระบบออนไลน์ทั้งหมด แต่บริการท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น การเช่ารถ ทัวร์ หรือสวนสนุก ยังคงเป็นออฟไลน์” วิลเฟร็ด กล่าว

เดินหน้าเต็มกำลัง! ปากคำผู้นำ ‘Klook’ กับภารกิจพลิกโฉมการท่องเที่ยวยุค AI วิลเฟร็ด ฟาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายพาณิชย์ Klook

การกำเนิดของ Klook ในยุคที่ถูกต้อง

วิลเฟร็ด ฟาน กล่าวถึงการพบกับผู้ร่วมก่อตั้ง Klook อย่าง อีธาน ลิน และ เอริค น็อก ฟาห์ ในปี 2014 ซึ่งขณะนั้น Klook เพิ่งเริ่มต้นทำแพลตฟอร์มจองประสบการณ์การท่องเที่ยวออนไลน์ วิลเฟร็ดเห็นว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากยังไม่มีใครในเอเชียที่นำการท่องเที่ยวประสบการณ์มาให้บริการในรูปแบบดิจิทัล

“10 ปีแรกของ Klook เติบโตไปพร้อมกับกระแสที่เปลี่ยนจากออฟไลน์ไปสู่ระบบออนไลน์ และตอนนี้ Klook กลายเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และกำลังขยายไปยังยุโรปและอเมริกาเหนือ” วิลเฟร็ดกล่าว

โควิด-19 กับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค

หลังการระบาดของโควิด-19 ผู้คนหันมาใช้โซเชียลมีเดีย เช่น TikTok และ Instagram มากขึ้นเพื่อหาไอเดียในการเดินทาง “คนเริ่มค้นหาข้อมูลจากที่บ้านมากขึ้น ผ่านทั้งโซเชียลมีเดียและการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน Google”

แม้ว่า Klook จะมีบริการท่องเที่ยวภายในประเทศ แต่เขาก็เน้นว่าจุดโฟกัสหลักยังคงเป็นการเดินทางระหว่างประเทศ

เดินหน้าเต็มกำลัง! ปากคำผู้นำ ‘Klook’ กับภารกิจพลิกโฉมการท่องเที่ยวยุค AI

การจับมือกับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ และการขยายตัวในไทย

Klook ยังให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ผ่านโซเชียลมีเดีย “เราพาครีเอเตอร์ไปที่เซ็นโตซ่า ให้พวกเขาได้รับสิทธิพิเศษ และสิ่งนี้ช่วยกระตุ้นความสนใจจากผู้บริโภคผ่านคอนเทนต์” วิลเฟร็ดอธิบาย

สำหรับตลาดในไทย Klook ได้ทำงานร่วมกับผู้ประกอบการในประเทศไทยมาหลายปี และจัดงานที่กรุงเทพฯ โดยเชื่อมโยงครีเอเตอร์กับธุรกิจในท้องถิ่น เช่น เรือสำราญและสปา เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

Klook ยังคงมุ่งมั่นเป็นผู้นำด้านการจองประสบการณ์การท่องเที่ยวออนไลน์ พร้อมนำผู้บริโภคและคอนเทนต์ครีเอเตอร์มาร่วมสร้างสรรค์การเดินทางในแบบใหม่ที่น่าตื่นเต้น

เดินหน้าเต็มกำลัง! ปากคำผู้นำ ‘Klook’ กับภารกิจพลิกโฉมการท่องเที่ยวยุค AI

Klook กับ AI: เปลี่ยนโฉมธุรกิจท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยี

ปัจจุบัน Klook ได้นำ AI เข้ามาปรับใช้ในองค์กร เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้ทั้งพนักงานและลูกค้า เอริค น็อก ฟาห์ ประธานกรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง Klook กล่าวว่า AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของบริษัท และจะเป็นตัวเปลี่ยนแปลงวิธีการค้นหาบริการท่องเที่ยวในอนาคต

เอริคได้อธิบายถึง AI สองประเภทที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน อย่างแรกคือ AI สำหรับการแนะนำและการปรับแต่ง ซึ่งมีมานานแล้ว ตัวอย่างเช่น ระบบแนะนำวิดีโอใน TikTok หรือฟังก์ชันการปรับแต่งสินค้าบนแพลตฟอร์ม e-commerce ทั้งหลาย AI นี้ทำให้ผู้ใช้งานเจอกับสิ่งที่ตรงใจได้ง่ายขึ้น

เดินหน้าเต็มกำลัง! ปากคำผู้นำ ‘Klook’ กับภารกิจพลิกโฉมการท่องเที่ยวยุค AI เอริค น็อก ฟาห์ ประธานกรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง Klook

แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นมากกว่านั้นคือ Generative AI ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ Klook กำลังมุ่งเน้นการลงทุน เอริคมองว่าการใช้ AI ในอนาคตจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของทีมงาน ตัวอย่างหนึ่งคือการใช้ AI เพื่อแปลภาษา ทำให้ให้บริการลูกค้าในหลากหลายภาษาพร้อมกันได้ นอกจากนี้ AI ยังจะเข้ามาช่วยในงานบริการลูกค้า ทำให้ตอบสนองต่อคำถามและความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละราย

ประธานกรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง Klook คนนี้ยังเล่าให้ฟังถึงแผนการของ Klook ในการใช้ AI เพื่อทำให้ลูกค้าค้นหาสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแชทกับแชตบอทที่เข้าใจความต้องการและแนะนำสินค้าได้ตรงใจ โดยไม่ต้องผ่านการกรองข้อมูลที่ซับซ้อน ซึ่งเขาเชื่อว่า AI จะเปลี่ยนโฉมการชอปปิงออนไลน์และธุรกิจท่องเที่ยวในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

Klook ยังมองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะในแง่ของการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านดนตรีและอาหาร ซึ่งประเทศไทยมีจุดแข็งที่โดดเด่นอยู่แล้ว เอริคเปิดเผยว่าบริษัทกำลังทำงานร่วมกับหลายฝ่ายในวงการดนตรีเพื่อจัดเทศกาลดนตรี เช่น Wonderfruit และ EDC Thailand ซึ่งจะเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเขาชี้ว่าดนตรีมีพลังในการเชื่อมโยงผู้คนจากวัฒนธรรมต่างๆ เข้าด้วยกัน นอกจากนี้ Klook ยังได้จับมือกับธุรกิจสปาชั้นนำในไทย เช่น Let’s Relax เพื่อยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวของลูกค้า

เดินหน้าเต็มกำลัง! ปากคำผู้นำ ‘Klook’ กับภารกิจพลิกโฉมการท่องเที่ยวยุค AI

เอริคมองว่าในอนาคตอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทยจะพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การแข่งขันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็จะเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ด้วยโครงสร้างพื้นฐานและความหลากหลายของประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ไทยมีให้ เขาเชื่อว่าประเทศไทยจะยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

Klook จะยังคงพัฒนา AI เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตและสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้า และเป้าหมายของบริษัทคือการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับพันธมิตรทั่วโลก เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และพาธุรกิจไปสู่อนาคตที่สดใส