ศึกคลาวด์ AI รอบใหม่ กูเกิลโต 35% ไมโครซอฟท์เบรกลง 31-32%
สงครามบริการคลาวด์ระหว่างยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีทวีความเข้มข้นอีกครั้ง หลัง “กูเกิล” ประกาศตัวเลขการเติบโตทะยานถึง 35% ในขณะที่ “ไมโครซอฟท์” ส่งสัญญาณชะลอตัวเหลือ 31-32%
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัทแม่ของกูเกิลอย่าง Alphabet เปิดเผยผลประกอบการเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (29 ต.ค.) ชี้ให้เห็นว่าการลงทุนด้าน AI สร้างผลลัพธ์เป็นรูปธรรม ผลักดันให้ธุรกิจคลาวด์เติบโตอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้ราคาหุ้นปิดตลาดพุ่งขึ้นกว่า 2.8%
ในทางตรงกันข้าม ไมโครซอฟท์กลับส่งสัญญาณชะลอการเติบโตของบริการคลาวด์ Azure ลงเหลือ 31-32% ในไตรมาส 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 32.25% แม้จะทุ่มเงินลงทุนด้าน AI มหาศาลถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ผ่านมา
เบรตต์ ไอเวอร์เซน (Brett Iversen) รองประธานฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของไมโครซอฟท์ ยอมรับว่า บริษัทกำลังเผชิญกับ “ข้อจำกัดด้านความจุของศูนย์ข้อมูล” ในการรองรับ AI และคาดว่าจะยังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้จนกว่าจะถึงครึ่งหลังของปีการเงิน
ด้าน กิล ลูเรีย (Gil Luria) หัวหน้าฝ่ายวิจัยเทคโนโลยีที่ D.A. Davidson แสดงความกังวลว่า ไมโครซอฟท์กำลังใช้เงินลงทุนมหาศาลเพื่อแข่งขันในสงครามเทคโนโลยีที่ยังไม่มีทางเห็นชัยชนะ การทุ่มเงินลงทุนในระดับที่สูงขนาดนี้ จะส่งผลเสียต่อเงินสดที่บริษัทจะนำไปใช้ได้อย่างอิสระ และจะกระทบต่อผลกำไรในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตัวเลขที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างสองบริษัทยักษ์ใหญ่สะท้อนให้เห็นว่า แม้ไมโครซอฟท์จะมีความร่วมมือพิเศษกับ OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT แต่กูเกิลก็สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน
อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์ยังคงมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยมีกำไรต่อหุ้น 3.30 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.10 ดอลลาร์ และมีรายได้เพิ่มขึ้น 16% เป็น 6.56 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่นักลงทุนยังคงกังวลกับการชะลอตัวของ อาชัวร์ (Azure) ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 3.6% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด
การแข่งขันในตลาดคลาวด์และ AI ระหว่างยักษ์ใหญ่เทคโนโลยียังคงดำเนินต่อไป โดยทั้งสองบริษัทต่างทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาเทคโนโลยี AI ท่ามกลางความท้าทายด้านขีดจำกัดของศูนย์ข้อมูล
อ้างอิง: reuters