3 นวัตกรรมขจัดฝุ่น แนวทางแก้ปัญหา PM 2.5 ภาคเหนือ
NIA เปิดรายชื่อนวัตกรรมลดปัญหาฝุ่นระดับโลก แนวทางพัฒนาโซลูชันด้านอากาศของไทย ขจัด PM 2.5 ที่มีอยู่จำนวนมากในภาคเหนือ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดท็อปชาร์ต
หลายจังหวัดทางภาคเหนือได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเชียงใหม่ เรียกได้ว่าเป็นช่วง High-Season ที่กระตุ้นให้เศรษฐกิจคึกคักเป็นอย่างมาก
แต่ขณะเดียวกัน ฤดูหนาวกลับเป็นฤดูกาลที่คนในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือต้องต่อสู้กับฝุ่นควัน PM 2.5 เป็นพิเศษ เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาล้อม เมื่อมวลความกดอากาศสูงแผ่ลงมาปกคลุม ส่งผลให้ลมสงบ ฝุ่นละอองถ่ายเทได้ยากจึงเกิดการสะสมของฝุ่นละอองและฝุ่น PM 2.5
ที่ผ่านมาจะเห็นการแก้ปัญหาของหลายภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน และเครือข่ายประชาสังคมผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น “สวนเจริญประเทศ” ป่ากลางเมืองเชียงใหม่ ขนาด 9 ไร่ ที่เกิดจากการยืนหยัดของชุมชน “สวนผักคนเมือง”
เปลี่ยนพื้นที่รกร้างให้กลายเป็นสวนผักกลางเมืองเชียงใหม่ “สวนสาธารณะริมน้ำปิงแห่งใหม่” พื้นที่เพื่อการเชื่อมวิถีชีวิตคนเชียงใหม่กับแม่น้ำให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง “การพัฒนารถไฟฟ้าสำหรับนักเรียน” ซึ่งอยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงการ และ “การจัดการมลพิษอากาศในเมือง” เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่น PM 2.5 อย่างเป็นรูปธรรม เป็นต้น
Smog Free Tower
3 นวัตกรรมลดปัญหาฝุ่น โอกาสในการพัฒนาโซลูชันด้านอากาศของไทย
Smog Free Tower: หอคอยปลอดควัน เครื่องฟอกอากาศกลางแจ้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีขนาดสูง 7 เมตร เทียบเท่าตึกสูงสี่ชั้น แถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะใช้กำลังไฟเพียง 1,400 วัตต์
ซึ่งจากการทดสอบพบว่าตัวเครื่องสามารถจับฝุ่นละออง PM 10 ได้มากถึงร้อยละ 70 และ PM 2.5 ได้ถึงร้อยละ 25 มีระบบการทำงานคล้ายกับเครื่องฟอกอากาศในโรงพยาบาล สามารถฟอกอากาศได้ถึง 30,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ปัจจุบันมีการติดตั้งที่เมืองรอตเทอร์ดาม ประเทศเนเธอร์แลนด์
Air-Purifying Billboard: เครื่องฟอกอากาศบนป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ ตัวป้ายสามารถฟอกอากาศได้มากถึง 3.5 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หรือเทียบเท่ากับต้นไม้จำนวนกว่า 1,200 ต้น ผลงานจากมหาวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี เมืองลิมา ประเทศเปรู
Photosynthesis Bike: จักรยานลดฝุ่นด้วยการเลียนแบบการสังเคราะห์แสงของพืช โดยการกรองคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านอุปกรณ์ระหว่างช่องแฮนด์จักรยาน และมีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ฝังอยู่ในเฟรมจักรยานเป็นตัวช่วยสร้างออกซิเจน แม้ว่าผลงานนี้ยังเป็นแค่ไอเดียแต่คาดว่าจะสามารถนำมาใช้จริงได้ในอนาคต
NIA เร่งปั้นนวัตกรเพื่อร่วมสร้างสังคมสีเขียวด้วยนวัตกรรม
พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) กล่าวว่า ปัจจุบันนวัตกรรมด้านการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทยยังมีไม่มากนัก และยังต้องใช้เงินทุนจำนวนหนึ่ง
ดังนั้น การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนและต้นทุนต่ำอย่างหนึ่งก็คือ การส่งเสริมให้คนในเขตเมืองเลือกใช้รถสาธารณะ และการเดินแทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเพิ่มมากขึ้น หรือช่วยกันเพิ่มพื้นที่สีเขียวขนาดเล็กตั้งแต่ระเบียงหรือเขตพื้นที่บ้าน
ขณะที่ภาครัฐต้องจริงจังในการบังคับใช้กฎหมายกับยานพาหนะที่ปล่อยควันดำ เพิ่มมาตรการควบคุมการปล่อยควันจากโรงงานอุตสาหกรรม เพิ่มทางเท้า เพิ่มพื้นที่สาธารณะ
รวมถึงศึกษานวัตกรรมและวิธีแก้ปัญหาจากประเทศที่สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว เพื่อนำมาปรับใช้ เพราะปัญหาฝุ่นควันเป็นปัญหาที่เมืองใหญ่ทั่วโลกต่างก็พบเจอเช่นกัน ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ยกระดับความรุนแรงขึ้น อาจทำให้โลกต้องเผชิญกับวิกฤติสภาพภูมิอากาศครั้งใหญ่
ดังนั้น NIA จึงให้ความสำคัญและพร้อมสนับสนุนให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 หรือแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการนวัตกรรมสำหรับเมืองและชุมชน
ด้านนวัตกรรมสำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเป็นต้นแบบการขยายผลให้เข้าถึงปัญหาตามบริบทของพื้นที่และก่อให้เกิดระบบนิเวศนวัตกรรมที่สามารถแก้ไขปัญหา ส่งเสริม สนับสนุน และยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนในพื้นที่เป้าหมายได้อย่างยั่งยืน
ดังตัวอย่างในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ที่มีการปลูกข้าวโพดจำนวนมาก จึงเกิดเป็นนวัตกรรมกระดาษจากเปลือกข้าวโพด: บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม
ถือเป็นต้นแบบการจัดการวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ด้วยการรับซื้อเปลือกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แล้วนำมาเพิ่มมูลค่าเป็นกระดาษคุณภาพ โดยใช้กระบวนการผลิตที่ไม่ซับซ้อน และออกแบบพัฒนาเป็นปลอกสวมแก้วจากกระดาษ และที่รองแก้ว
นอกจากนี้ ยังนำแนวคิดเกี่ยวกับการตลาดดิจิทัลมาใช้สำหรับการวางแผนการตลาด สร้างรายได้แก่เกษตรกร สร้างแบรนด์ให้กับบรรจุภัณฑ์ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่สนใจด้านสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการลดมลพิษจากการเผาทำลายเปลือกข้าวโพดด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม
หรืออีกหนึ่งนวัตกรรมที่น่าสนใจคือ นวัตกรรมการจัดการระบบนิเวศป่าเปียกชุมชน จากวิสาหกิจชุมชนเกษตรผสมผสานบ้านห้วยต้นนุ่น อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ด้วยการพัฒนาระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ให้ป่าชุ่มชื้นขึ้น ลดการเกิดไฟป่า
อีกทั้งยังมีการพัฒนาระบบการจัดการด้านการใช้ประโยชน์จากป่าชุมชนผ่านเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสานและยกระดับการแปรรูปของป่าให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพื่อให้ชุมชนสามารถใช้ประโยชน์ในการยังชีพ การสร้างรายได้
และดูแลทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนพร้อมๆ กันได้อย่างยั่งยืน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเมืองที่ไร้ฝุ่นควัน เพื่อทำให้หน้าหนาวในฝันของชาวเมืองเหนือกลับมาสดใสได้อีกครั้ง