NIA หนุนปั้น “โคดำลำตะคอง” เนื้อโคคุณภาพสูง ดันโคราชสู่เมืองซอฟต์พาวเวอร์
“โคดำลำตะคอง” ของดีต้องลองจากเมืองโคราช นวัตกรรมโคเนื้อลูกครึ่ง 3 สายพันธุ์ “โคพื้นเมือง - วากิว - แองกัส” พร้อมชวนคนไทยเปิดประสบการณ์ใหม่ในเทศกาลเนื้อ 1 – 4 ก.พ. นี้ ที่อุทยานวิทย์โคราช
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) โชว์ศักยภาพและความสำเร็จจากการพัฒนานวัตกรรมเชิงพื้นที่ในส่วนภูมิภาค เมือง และย่านนวัตกรรม ผ่านตัวอย่างการผลักดันพื้นที่จังหวัด “นครราชสีมา” และจังหวัดใกล้เคียงกลุ่มนครชัยบุรินทร์ ให้เป็นพื้นที่ศูนย์กลางการผลิตโคเนื้อคุณภาพสูงของประเทศไทย
รวมถึงเป็นต้นแบบการสร้างมาตรฐานการผลิตโคเนื้อคุณภาพสูง โดยนำศักยภาพของพื้นที่มาร่วมกับการใช้นวัตกรรมเข้าไปปรับเปลี่ยนและยกระดับมูลค่าผลิตภัณฑ์ เพื่อผลักดันให้เนื้อวัว “โคดำลำตะคอง” เนื้อโคไทยคุณภาพสูงที่ได้จากนวัตกรรมการผสม 3 สายพันธุ์ “โคพื้นเมือง - วากิว - แองกัส” เป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยผ่านงาน Thailand Beef Fest 2024
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการ NIA กล่าวว่า การพัฒนาและผลักดันให้พื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและกลุ่มนครชัยบุรินทร์ (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และ สุรินทร์) เป็นศูนย์กลางด้านการพัฒนาโคเนื้อคุณภาพสูงของประเทศไทย ทั้งในฐานะแหล่งผลิตโคเนื้อ และพื้นที่ต้นแบบด้านการสร้างมาตรฐานการผลิตโคเนื้อคุณภาพสูง
พื้นที่นี้มีความโดดเด่นทั้งในแง่ของปริมาณการเลี้ยงโคเนื้อมากที่สุดในประเทศไทยถึงร้อยละ 50 จากการผลิตโคเนื้อทั่วประเทศจำนวน 1.495 ล้านตัว และเป็นแหล่งผลิตอาหารสำหรับการผลิตโคเนื้อที่สำคัญ เช่น หญ้า มันสำปะหลัง ข้าวโพด และธัญพืช
รวมถึงมีหน่วยขับเคลื่อนด้านงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ทั้งการพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์โคเนื้อคุณภาพสูงแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ที่พร้อมถ่ายทอดสู่เกษตรกร และผู้ประกอบการปศุสัตว์
เช่น การวิจัยด้านปรับปรุงสายพันธุ์ การพัฒนาสูตรอาหารเลี้ยงโคในทุกช่วงวัย การส่งเสริมกระบวนการเลี้ยงโคตามมาตรฐาน GFM และการส่งเสริมการแปรรูปเนื้อโค เพื่อเข้าไปปรับเปลี่ยนและยกระดับมูลค่าผลิตภัณฑ์ พร้อมส่งผลต่อการยกระดับรายได้ของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ โดยเนื้อวัวคุณภาพสูงสามารถขายได้ 105 -145 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่เนื้อวัวคุณภาพสูงของประเทศไทยยังไม่เพียงพอ ต้องมีการนำเข้าสูงกว่า 7,000 ล้านบาทต่อปี
ดังนั้น NIA จึงได้ร่วมกับอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง (นครราชสีมา) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จัดงาน Thailand Beef Fest 2024 ขึ้นในวันที่ 1-4 กุมภาพันธ์ 2567
โดยมีกิจกรรมไฮไลท์ ได้แก่ นิทรรศการแสดงพันธุ์วัวไทย เทคโนโลยีการถ่ายทอดพันธุ์โคเนื้อคุณภาพสูง โรงเลี้ยงจำลอง จัดแสดงสายพันธุ์วัว นิทรรศการพันธุ์วัวเนื้อต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา บราซิล โชว์การทำอาหารจากเนื้อวัวเกรดพรีเมี่ยมโดยเชฟมืออาชีพ
ผศ.ดร.ปภากร พิทยชวาล ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง (นครราชสีมา) ม.เทคโนโลยีสุรนารี เปิดเผยว่า เพื่อสนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการนวัตกรรมเพิ่มมากขึ้น อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคฯ จึงเข้ามาช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรมจากมหาวิทยาลัยในเครือข่าย ภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ด้วยการรวมกลุ่มวิสาหกิจผู้เลี้ยงโคและผู้ประกอบการ
โดยปัจจุบันมีเครือข่ายที่มีเทคโนโลยีสนับสนุนการเพิ่มมูลค่ามากมาย เช่น เทคโนโลยีการแยกเพศอสุจิโคด้วยโมโนโคลนอลแอนติบอดี การมีศูนย์ตรวจสอบคุณภาพเนื้อระดับพันธุกรรมด้วยเทคนิค
เพื่อตรวจสอบคุณภาพเนื้อระดับพันธุกรรมร่วมกับการใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอที่ถูกพัฒนาขึ้น และเพื่อวิเคราะห์เครื่องหมายทางพันธุกรรมที่สำคัญและมีความเกี่ยวเนื่องกับปริมาณไขมันแทรกในเนื้อโค และจัดสร้างฐานข้อมูลลายพิมพ์ดีเอ็นเอเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการตรวจสอบระดับเลือดผสมวากิวก่อนส่งเข้ากระบวนการขุน
ด้าน อรรควัฒน์ วิริยะขจรเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.วี.เค.ฟาร์ม โปรดักส์ จำกัด ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตจากมหาวิทยาลัยสุรนารี อธิบายถึงความพิเศษของเนื้อ “โคดำลำตะคอง” ว่า
โคดำลำตะคองเป็นลูกผสม 3 สายพันธุ์ที่ดึงเอาคาแรคเตอร์และคุณภาพเนื้อที่โดดเด่นแตกต่างกันของแต่ละสายพันธุ์ ได้แก่ ลูกผสมพื้นเมือง ที่มีรสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอม มีความถึกทน วากิว มีเอกลักษณ์คือปริมาณไขมันแทรกในเนื้อคล้ายกับลายหินอ่อน และแองกัส
ที่มีการเจริญเติบโตไว มีอัตราการแลกเนื้อสูงและทนต่อสภาพแวดล้อมในพื้นที่ได้ดี ซึ่งปัจจุบันสามารถทำให้เกิด “พ่อพันธุ์กึ่งสำเร็จรูป” ลูกผสม 3 สายเลือด โดยการผสมเพียงครั้งเดียว ลดระยะเวลาในการผลิตลูกผสม 3 สายเลือด ลงไป 3 ปี นอกจากความพิเศษของสายพันธุ์ “โคดำลำตะคอง” แล้ว
ยังมีการเลี้ยงอย่างปราณีตและพิถีพิถัน ตลอดกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ รวมถึงสูตรอาหารที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากวิทยาลัยด้วยเช่นกัน ทั้งยังเสริมด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของโคในสูตรและปริมาณที่แตกต่างไปตามช่วงอายุ ทำให้โคเหล่านี้มีสุขภาพดี เพราะเชื่อว่า “เนื้อที่ดี ต้องมาจากโคที่ดี”
ดังนั้น “โคดำลำตะคอง” จึงเป็นเนื้อโคไทยคุณภาพสูง (Premium Beef) ที่มีกลิ่นรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ “โคหนุ่ม เนื้อนุ่ม ชุ่มมัน” มีลักษณะของชั้นไขมันที่แทรกระหว่างเนื้อ (Marbling Score) ซึ่งในนั้นมีโอเมก้า 9 ที่เป็นสารอาหารสำคัญ สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตและรายได้ของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อคุณภาพสูงในพื้นที่
เมื่อเทียบกับเนื้อโคที่เกษตรกรเลี้ยงแบบเดิมจะขายได้ในราคา 82 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่โคเนื้อคุณภาพสูงสามารถขายได้ 105-145 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งคิดเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นขั้นต่ำต่อปี 28 % ทั้งนี้ หากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคสามารถพัฒนาคุณภาพเนื้อโคคุณภาพสูงได้ถึงเกรดสูงสุด เกษตรกรผู้เลี้ยงโคในพื้นที่จะสามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 65 % ต่อปี