Tha·Wai พลิกโฉมเสื่อวัด รีไซเคิลพลาสติกสู่ความยั่งยืน

Tha·Wai หรือ ถวาย แบรนด์เสื่อแทนพรมสำหรับวัด ที่พลิกโฉมวงการ “เสื่อวัด” กับดีไซน์ใหม่ทันสมัยกว่าเดิม แข็งแรงทนทานด้วยเทคโนโลยีการผลิตและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจากวัสดุพลาสติกรีไซเคิล 100% การันตีด้วยมาตรฐานอุตสาหกรรมสีเขียวระดับ 2 กระทรวงอุตสาหกรรม และ มาตรฐาน Recycled Claim Standard (RCS)

เสื่อถวายยังตอบโจทย์เพนพอยต์ของเสื่อวัดดั้งเดิม ซึ่งมีตัวเลือกน้อยทั้งลวดลายและสีซึ่งมีเพียงสีเหลืองกับสีแดง คุณภาพการถักทอแบบเก่าๆ เปราะบางง่าย อมน้ำและสีซีด มีขั้นตอนในการดูแลรักษายากและจำนวนไม่เพียงพอต่อการใช้งาน

รูปจาก: thawai.co/TH

เสื่อวัดอิงเทรนด์ ESG

สิทธา ศักดาสุคนธ์ ทายาทรุ่นสามของโรงงานผลิตเสื่อย่งเซ้งจั่น จ.สมุทรสาคร ซึ่งดำเนินธุรกิจทอเสื่อมา 40 กว่าปี มีโอกาสไปทำบุญที่วัดและสังเกตเห็นเพนพอยต์ดังกล่าวของเสื่อวัด จึงตั้งคำถามว่า ทำไมถึงไม่มีการพัฒนาเลย ขณะที่เทคโนโลยีในปัจจุบันมาถึงยุค 4.0 แต่เสื่อวัดยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

“พระสงฆ์ท่านปูเสื่อในการนั่งทำวัตร เผยแพร่ธรรมเทศนา ฉันท์อาหาร อีกทั้งใช้ในการให้ญาติโยมทั้งหลายนั่งฟังเทศน์อีกด้วย เสื่อ ใน Perception ของใครหลายคน อาจจะมองว่าเป็นของโบราณ ล้าสมัย ก็เพราะว่าดีไซน์ไม่เปลี่ยนตามยุคสมัยนั่นเองและนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Tha Wai เสื่อถวายที่จะเข้ามาพลิกโฉมวงการพระพุทธศาสนา ด้วยเสื่อสไตล์ Contemporary ที่แรกในโลก”

เขากับพี่ชาย “เจษฎา ศักดาสุคนธ์” เจ้าของแบรนด์ MAT-ER (แมท-เทอร์) นักทำเสื่อรุ่นใหม่ อาสาขอปรับโฉมเสื่อวัดแบบเก่าให้เหมาะกับการใช้งาน ภายใต้ชื่อ “ThaWai” โดยผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล แต่สวยงานแบบพรม ออกแบบสีและลวดลายเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มตัวเลือกใหม่ๆ ให้หลากหลายขึ้น อีกทั้งใช้งานได้ทั้ง 2 ด้าน

“ผู้บริโภคในปัจจุบันสนใจเรื่อง ESG มากขึ้น ธุรกิจจึงต้องปรับตัว แบรนด์ถวายทุกผืนผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล 100% เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เส้นใยพลาสติกนำกลับมารีไซเคิลหรือต่อยอดเป็นวัสดุใหม่ได้”

ความโดดเด่นของเสื่อถวาย ประกอบด้วย วัสดุทอแน่นกว่าเสื่อปกติถึง 3 เท่า ซึ่งจะมีความหนาและทนทานมากกว่าอย่างสิ้นเชิง ไม่อมน้ำ ไม่เก็บฝุ่น เป็นมิตรต่อการใช้งานทั้งยังง่ายต่อการทำความสะอาด ลวดลายตกแต่งบรรยากาศด้วย Contemporary Design ผสมผสานความคลาสสิคและวัฒนธรรมไทยเข้าด้วยกัน 

มีความเป็น Double Side สามารถเลือกใช้งานได้ 2 ด้านปรับ mood and Tone ของสถานที่ได้ตามต้องการ ขณะเดียวกัน เราได้ทำการหุ้มขอบเพื่อกันการหลุดลุ่ยด้วยผ้าใบที่ใช้ผลิตเบาะเรือยอชต์ เสริมความทนทาน อีกทั้งป้องกันการได้รับความบาดเจ็บจากขอบเสื่อ เสือถวายยังผสมสารป้องกัน UV ซึ่งจะช่วยป้องกันการแตกกรอบ ทนต่อแดดและฝนอีกด้วย

เสื่อยังมีความยาวเป็นพิเศษ เหมาะกับปูลาดในพระอุโบสถ ศาลาวัดเพื่อรองรับฆราวาส ปูรองอาสนะสงฆ์ในพิธีกรรมทางศาสนา ปูรองรับแขกสำหรับงานทำบุญบ้านหรือบริษัท 

“เราไม่ได้ละทิ้งวัฒนธรรมไทยแบบดั้งเดิม โรงงานยังคงผลิตเสื่อลายโบราณ เป็นลายประจำภาคต่างๆ แต่เลือกใช้วัสดุให้ดีขึ้นและเป็นมิตรแก่สิ่งแวดล้อม เสื่อแบรนด์ถวายดีไซน์ใหม่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลายไทย หัวใจโมเดิร์น เป็นเสมือนตัวเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้คนที่สนใจทำบุญบริจาคเสื่อให้วัดในรูปแบบที่หลากหลายยิ่งขึ้น” สิทธา กล่าว

ยกระดับงานหัตถสาน

เจษฎา ศักดาสุคนธ์ เข้ามารับธุรกิจต่อจากที่บ้านและสร้างแบรนด์แมท-เทอร์เข้าปีที่ 5 ส่งออกเสื่อไปมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ได้เข้ามาร่วมงานกับน้องชาย เพื่อช่วยกันออกแบบเสื่อวัดแบรนด์ถวาย กล่าวว่า เสื่อทุกผืนของแมทเทอร์รวมถึงเสื่อของถวายได้รับการรับรองจากมาตรฐานสากล Recycled Claim Standard (RCS) มีการทดสอบความทนทานกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

“การนำธุรกิจเก่ามารีแบรนด์ใหม่ ตอนแรกก็หวั่นใจกันบ้าง แต่เพราะเราต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่าดีไซน์ใหม่ คุณภาพดีกว่าเดิมนั้นมีอยู่จริง สิ่งที่ท้าทายต่อไปก็คือ การสร้างภาพจำให้ผู้บริโภคนึกถึงเสื่อก็นึกถึงพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นคนไทยด้วยกันเองหรือนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต่อไปในอนาคตเสื่ออาจเป็นสินค้าประจำประเทศไทยก็ได้”

ส่วนแผนการตลาดขั้นต่อไปคือ การโปรโมตลงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมากขึ้น เช่น TikTok และเริ่มสร้างแบรนด์ของโรงงานให้แข็งแรง เนื่องจากตอนนี้พวกเขาเป็นโรงงานรับผลิตเสื่อโดยใช้ตราการค้าที่หลากหลาย แต่หากรวมเป็นหนึ่งเดียวได้จะทำให้แบรนด์แข็งแรงมากกว่า

งานคราฟต์ไทยสู่สายตาสากล

แมท-เทอร์ได้ไปจัดแสดงสินค้าในงาน STYLE Bangkok 2024 ภายใต้แนวคิด ด้วยคอนเซปต์ Sustainability+ เพื่อยกระดับสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นจากผู้ประกอบการไทยให้สู่สายตาสากล สร้างโอกาสในการเจรจาซื้อ-ขาย และสร้างพันธมิตรทางการค้ากับนักธุรกิจจากทั่วโลก

อุตสาหกรรมสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นมีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย เนื่องจากกว่า 90% เป็น SMEs มีการจ้างงานกว่า 1 ล้านคน การส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นในปี 2023 สร้างมูลค่าทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการด้วยการปิดดีลธุรกิจไปกว่า 1,500 ล้านบาท กลุ่มประเทศที่มีผู้ซื้อ-เข้าร่วมงานมากที่สุด ได้แก่ จีน 20.4%, สิงคโปร์ 11%, ญี่ปุ่น 9.7%, เวียดนาม 5.8% และสหรัฐ 5.2%