8 เอไอจีนใต้เงามาตรการคว่ำบาตร สร้างนวัตกรรมไม่ยอมแพ้ Silicon Valley

8 เอไอจีนใต้เงามาตรการคว่ำบาตร สร้างนวัตกรรมไม่ยอมแพ้ Silicon Valley

เมื่อไม่สามารถซื้อชิปเอไอจากสหรัฐได้ บริษัทจีนจึงคิดต่าง พัฒนาระบบที่ใช้ทรัพยากรน้อยลงแต่ทำงานได้เทียบเท่า ทำความรู้จัก 8 บริษัทที่กำลังพิสูจน์ว่าความคิดสร้างสรรค์เอาชนะข้อจำกัดได้

“ยิ่งถูกกดดัน ยิ่งสร้างสรรค์ และฉันจะไม่ยอมเป็นแค่ผู้ตาม”

ประโยคนี้อาจใช้นิยามสถานการณ์ตลาดปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากแดนมังกรได้ในขณะนี้ แม้ประเทศจีนจะถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐ ไม่สามารถเข้าถึงชิปประมวลผลขั้นสูงอย่างอินวิเดียได้ หากแต่สตาร์ตอัป และบริษัทยักษ์ใหญ่ในจีนก็ไม่ยอมจำนน ยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมในแบบหนทางของตนเองต่อไป

มกราคม 2568 เปิดปีมาด้วยปรากฏการณ์ของ “ดีปซีก (DeepSeek)” เอไอจากสตาร์ตอัปจีนที่มีความสามารถเทียบเท่าโมเดลเอไอจากตะวันตกอย่าง GPT-4 ของบริษัท OpenAI เหตุการณ์ครั้งนี้ทั่วโลกต่างตามหาชายที่ชื่อ “เหลียง เหวินเฟิง” ผู้พัฒนาหลักของดีปซีกที่ทำให้ตลาดหุ้นผันผวน แต่เขาก็ไม่เคยให้สัมภาษณ์สื่อใดๆ เลยสักครั้ง 

จีนมีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน มีสตาร์ตอัปด้านเอไอเกิดขึ้นมากมาย ขณะที่บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ก็ทุ่มเงินลงทุน และสร้างระบบรองรับมาหลายปีแล้ว ความสำเร็จของดีปซีกทำให้หลายคนเริ่มสงสัยว่า แท้จริงแล้ว “ไม่จำเป็นต้องพึ่งชิปอินวิเดียก็สร้างเอไอเจ๋งๆ ได้” จากเหตุการณ์เหล่านี้ ในวันถัดมาก็มีเอไอสัญชาติจีนอีกหลายรายที่ออกมานำเสนอเทคโนโลยีให้กับตลาดโลก 

สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้รวบรวม 8 เอไอจีนที่น่าจับตามอง พวกเขาใช้กลยุทธ์ปรับแต่งอัลกอริทึมให้กินทรัพยากรน้อยลง หรือพัฒนาระบบโอเพนซอร์สที่หลากหลาย โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาฮาร์ดแวร์รุ่นล่าสุดที่มีราคาแพง

8 เอไอจีนใต้เงามาตรการคว่ำบาตร สร้างนวัตกรรมไม่ยอมแพ้ Silicon Valley

8 มังกรเอไอที่ไม่ยอมแพ้มาตรการคว่ำบาตร 

ความเคลื่อนไหวชัดเจนที่สุดมาจากผู้เล่นแถวหน้าอย่าง “อาลีบาบา (Alibaba)” ภายใต้การนำของเอ็ดดี้ วู (Eddie Wu) ซีอีโอคนปัจจุบัน โดยได้ลงทุนในสตาร์ตอัปหลายแห่ง พร้อมกับพัฒนาแพลตฟอร์ม Qwen 2.5 Max แบบโอเพนซอร์ส เปิดกว้างให้บุคคลภายนอกได้เข้าถึงโมเดล QwQ โดยยังอ้างว่าทำงานได้ดีเทียบเท่าดีปซีก นอกจากนี้ บริษัทกำลังมุ่งเน้นไปที่จุดแข็งหลักอย่าง “คลาวด์คอมพิวติ้ง” อีกด้วย 

ด้าน “ไบต์แดนซ์ (ByteDance)” บริษัทแม่ของ TikTok ก็ตอบโต้ด้วย Doubao 1.5 Pro ที่ชูจุดขายว่าคุยสนุก รู้เรื่อง จนกลายเป็นแชตบอตที่ผู้ใช้ในจีนหลายคนยกให้เป็นคู่ซี้คนใหม่ Doubao มาพร้อมแนวคิด Deep thinking ที่ไม่ใช่แค่ฉลาดด้านข้อความ แต่อ้างว่าเก่งด้านภาพ และภาษาระดับผู้เชี่ยวชาญ Doubao สร้างขึ้นโดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบ Mixture of Experts (MoE) ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับโมเดลเอไอในจีน

“มูนช็อต (Moonshot)” ก่อตั้งโดย หยาง จือหลิน (Yang Zhilin) ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยชิงหัว ซึ่งเคยทำงานให้กับทั้ง Meta และ Google โมเดลล่าสุดของพวกเขา Kimi k1.5 ใช้การเรียนรู้แบบเสริมแรงเพื่อเร่ง และขยายกระบวนการฝึกฝน 

โมเดลตัวนี้ประกาศในวันเดียวกับโมเดลการให้เหตุผล R1 ของดีปซีก Kimi k1.5 ทำงานในลักษณะคล้ายกัน โดยใช้แนวทางแบบ chain-of-thought เพื่อค้นหา และกลั่นกรองคำตอบสำหรับคำถาม ซึ่งออกแบบมาสำหรับการตอบสนองที่กระชับ และรองรับบริบทภาษาจีนได้ถึง 2 ล้านตัวอักษร

“จือผู (Zhipu)” ได้เปิดตัวแอป และเครื่องมือหลายรายการ รวมถึงเอเจนต์อัตโนมัติที่สามารถจำลองการกระทำของผู้ใช้บนสมาร์ตโฟนหรือเว็บเบราว์เซอร์

โมเดลเอไอด้านเสียงของจือผูมีความสามารถจำลองน้ำเสียง อารมณ์ และความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์ เช่น คำเติมเต็ม การหยุดชั่วขณะ และการหายใจเป็นครั้งคราว บริษัทถูกขึ้นบัญชีดำโดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ในช่วงท้ายของรัฐบาลไบเดน ซึ่งยิ่งจำกัดการเข้าถึงชิปเอไอของอเมริกา

“ไป่ชวน (Baichuan)” เปิดตัวโมเดลล่าสุดที่ชื่อว่า Baichuan4-Turbo ใช้เทคนิคที่เรียกว่า “การคิดเชิงลึก” ซึ่งเป็นแนวทางการให้เหตุผล และการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนที่เลียนแบบวิธีที่มนุษย์ทำงานผ่านปัญหาต่างๆ มันทำงานได้กับทั้งข้อความ ภาษา และการมองเห็น บริษัทยังนำเสนอโหมดทางการแพทย์ที่อิงหลักฐาน ซึ่งออกแบบมาเพื่อดึงข้อมูลงานวิจัย และข้อมูลด้านการดูแลสุขภาพสำหรับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักวิชาการ

ในขณะที่ “มินิแม็กซ์ (Minimax)” จากเซี่ยงไฮ้ ซึ่งก่อตั้งโดย หยาน จฺวิ้นเจี๋ย (Yan Junjie) จบปริญญาเอกจากสถาบันวิทยาศาสตร์จีน และไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยชิงหัว เขาเคยเป็นรองประธานที่ SenseTime ก่อนลาออกไปก่อตั้ง Minimax 

โมเดลล่าสุดของบริษัทคือ Minimax-01 ใช้สิ่งที่เรียกว่ากลไก Lightning Attention เพื่อแบ่งลำดับข้อมูลที่ยาวมากเป็นส่วนย่อยที่จัดการได้ง่ายขึ้น โดยมีการจัดลำดับความสำคัญของข้อมูลเพื่อให้การประมวลผลเน้นเฉพาะส่วนที่สำคัญที่สุด ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์ และสรุปข้อมูลจากข้อความยาวๆ ได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ

สตาร์ตอัป “01.AI” จากกรุงปักกิ่ง ภายใต้การนำของ ไค-ฟู ลี (Kai-Fu Lee) ได้พัฒนาโมเดล Yi โดยใช้แนวทาง Mixture of Experts แบบ Yi-Lightning ซึ่งถูกจัดอันดับใกล้เคียงกับโมเดลของ OpenAI และ Google โมเดลนี้เน้นการลดต้นทุนในการฝึกอบรม และนำไปใช้ในภาคธุรกิจหลากหลายประเภท โดยได้มีการร่วมพัฒนาโครงการกับพันธมิตรอย่างอาลีบาบา
    
สุดท้ายคือ “สเต็ปฟัน (Stepfun)” จากเซี่ยงไฮ้ได้นำเสนอ Step 2 โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่มีพารามิเตอร์ถึงระดับหนึ่งล้านล้านตัว โดยใช้เทคนิค Mixture of Experts ในการแบ่งการประมวลผลข้อมูลตามความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

ซีอีโอ เจียง ต๋าซิน (Jiang Daxin) ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวิจัยที่ Microsoft ในภูมิภาคเอเชีย ได้นำทักษะ และประสบการณ์จากการบริหารงานด้านวิจัยมาใช้ในการพัฒนาระบบนี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทุนภาครัฐในเมืองเซี่ยงไฮ้

สรุป

ทั้งหมดนี้คือ “สีสันของการแข่งขันเอไอในจีน” อย่างไรก็ตาม ระบบนิเวศเอไอจีนมีการเชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน อาลีบาบา และเทนเซ็นต์มีหุ้นในบริษัทส่วนใหญ่ที่กล่าวถึงข้างต้น แม้จะแข่งขันกันก็ตาม 

ดีปซีก และทั้ง 8 บริษัทเป็นหมุดหมายสำคัญที่กำลังขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างรวดเร็ว แม้จะเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตร และข้อจำกัดทางการค้า ไม่ว่าจะในรูปแบบโอเพนซอร์ส การผสมผสานอัลกอริทึมที่หลากหลาย หรือการหาทางลดต้นทุนฮาร์ดแวร์ ทุกกลยุทธ์ล้วนเป็นหลักฐานยืนยันว่าพวกเขายังเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมต่อไป แม้จะต้องเผชิญแรงกดดันและข้อจำกัดจากต่างประเทศก็ตาม

 

อ้างอิง: Alibaba Leads Competitors Playing Catchup With China’s DeepSeek

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์