‘บลูบิค’ ปั้น‘บล็อกเชน-ไซเบอร์ซิเคียวริตี้’ เสริมดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น
ภาพรวม “ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น” ในตลาดโลกยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแบบ “ดับเบิล ดิจิต” สหรัฐอเมริกายังครองเจ้าตลาดการทำ “ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น” ด้วยสัดส่วนที่มหาศาล กลับมามองที่ประเทศไทย การเติบโตในเรื่องนี้ เผลอๆ อาจสูงกว่าตลาดโลกด้วยซ้ำ
"พชร อารยะการกุล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นครบวงจรของไทย ประเมินว่า ตลาดดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในไทยเติบโตกว่า 40% สูงกว่าตลาดโลก กลุ่มเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ คือ “คลาวด์ และดาต้า” ที่มาพร้อมกับโอกาสทางธุรกิจอีกมากมาย
‘บลูบิค’ จึงปรับแผนธุรกิจครั้งใหญ่ และมองถึงเทรนด์ต่อไปในอนาคต เมื่อทรานส์ฟอร์เมชั่นจบแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น
พชร บอกว่า เทคโนโลยีที่สำคัญอย่าง “บล็อกเชน และไซเบอร์ซิเคียวริตี้” รวมไปถึงเรื่องการจัดการความยั่งยืน (sustainability) และการมาของเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เมตาเวิร์ส ควอนตัมฯ ฯลฯ จะเป็นสิ่งที่ตามมาหลังจากที่องค์กรทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นเรียบร้อย
“เราจะตั้งบริษัทการทำวิจัยเรื่องบล็อกเชน เพราะเชื่อว่าถ้าพ้น 5 ปี เรื่องนี้อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ จากนั้นก็จะไปที่เทคโนโลยีตัวอื่นๆ”
เหตุผลเหล่านี้ นำไปสู่การปรับทัพธุรกิจครั้งใหญ่ของ “บลูบิค” หากยังยึดโยงความเชี่ยวชาญของการเป็นที่ปรึกษา "ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น" ระดับเทพไว้อยู่ ด้วยงบขยายการลงทุนที่ตั้งไว้ไม่ต่ำกว่า “หลายร้อยล้านบาท”
"เราเชื่อว่า ถ้าธุรกิจจะเติบโตมากขึ้น ต้องคิดล่วงหน้าไปอีก 10 ปี เราต้องทำอีกหลายเรื่อง เรามองเรื่องความเสี่ยง เรามองเรื่องความยั่งยืนในมิติต่างๆ กลยุทธ์ของเราจากนี้ คือ การอยู่กับลูกค้าในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น และอยู่ให้นานขึ้น เราต้องการเป็นมากกว่าที่ปรึกษา เราต้องการเป็น growth พาร์ทเนอร์"
เปิด 4 ยุทธศาสตร์โต “บลูบิค”
แผนธุรกิจใหม่ครั้งนี้ นอกจากทำให้บริการของ บลูบิค ครอบคลุม ทุกแง่มุมของการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแล้ว ยังสามารถตอบโจทย์ลูกค้าองค์กร ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงใหญ่ ดังนั้น จากนี้ทิศทางการเติบโตของบริษัทฯ จะมีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะในมิติของการสร้างรายได้และการเติบโต ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งภายใต้กลยุทธ์การเติบโตนี้ จะประกอบไปด้วย 4 แผนงานหลัก
ขยายธุรกิจบริการหลักให้ครบวงจรเป็น Truly End-to-End Services มากขึ้น ตอบโจทย์ทุกมิติความต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของลูกค้า มุ่งเน้นให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพการให้บริการควบคู่กับการขยายธุรกิจรูปแบบใหม่โดยเฉพาะในกลุ่มบริการหรือเทรนด์เทคโนโลยีสำคัญหลังจากเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ระบบดิจิทัล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างการเติบโตเชิงรายได้ให้บริษัทฯ
ล่าสุด ขยายบริการที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบและ “ความปลอดภัยทางไซเบอร์” เนื่องจากองค์กรธุรกิจเริ่มเห็นความสำคัญในเรื่องการลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามไซเบอร์ ที่ไม่น้อยไปกว่าการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน บลูบิค จึงตั้งบริษัท บลูบิค ไททันส์ จำกัด ขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจดังกล่าว
ลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับดิจิทัลแพลตฟอร์ม ที่เป็นเทรนด์แห่งโลกอนาคต เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจ ผ่านการให้บริการที่เกี่ยวกับดิจิทัลแพลตฟอร์ม และไอทีโซลูชันที่รองรับความต้องการและเทรนด์ธุรกิจใหม่ ปูทางสู่การสร้างรายได้แบบประจำ และขยายฐานลูกค้าที่ครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้าขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่
บลูบิค เห็นโอกาสในการเติบโตจากธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม ที่เข้ามาสนับสนุนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน และ เทรนด์การทำธุรกิจรูปแบบใหม่ จึงตั้ง บริษัท บลูบิค เน็กซัส จำกัด ขึ้นเพื่อรุกธุรกิจพัฒนาระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลและบล็อกเชนโซลูชัน
ตั้งบริษัทลุยตลาดต่างประเทศ
ขยายธุรกิจต่างประเทศ เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของ บลูบิค เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจในตลาดต่างประเทศ ที่มีขนาดใหญ่ และมีความต้องการในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง แผนรุกตลาดต่างประเทศ จะใช้จุดแข็งด้านศักยภาพของบุคลากรไอที ผนวกกับข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการให้บริการที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
ล่าสุด บลูบิคขยายธุรกิจบริการด้านพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery) ไปยังตลาดยุโรป ผ่านการจัดตั้ง บริษัท บลูบิค (สหราชอาณาจักร) จำกัด ที่สหราชอาณาจักร และกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาจัดตั้งบริษัทย่อยในต่างประเทศเพิ่มเติม
"เรามูฟอัพไปที่โกลบอลมากขึ้น เรามีลูกค้าในอาเซียน ในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย เราเข้าไป Bidding ในประเทศต่างๆ บลูบิคมีลูกค้าที่ดีในหลายตลาด แต่ในอนาคต เราวางแผนจะเข้าไปที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างที่ผ่านมา เราตั้งบลูบิค ยูเค ให้บริการลูกค้าภาคพื้นยุโรป และมีที่อินเดีย เรายังมองตลาดไปทวีปอเมริกาด้วย"
สร้างการเติบโตผ่านการควบรวมกิจการ (M&A) และกิจการร่วมค้า (JV) มากยิ่งขึ้น มุ่งโฟกัสการลงทุนร่วมกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่สามารถต่อยอดด้านบริการและธุรกิจ (Synergy) ซึ่งแผนการเติบโตนี้ยังเป็นกลไกสำคัญที่สนับสนุนแผนงานอื่นข้างต้น และเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจกับพันธมิตรในอนาคตเพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดร่วมกัน
ยกตัวอย่างเช่น ลงทุนตั้ง บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บลูบิค และ บริษัท ปตท. นำ้มันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เมื่อปีที่ผ่านมา และจากนี้ ก็จะดีลในลักษณะนี้ที่บลูบิคไปร่วมทุนเพิ่มขึ้นอีก
“กลยุทธ์ทั้ง 4 ด้าน ผนวกกับจุดแข็งของบริษัทฯ ที่ประกอบด้วย ความรู้ความเข้าใจทั้งในด้านธุรกิจและเทคโนโลยีขั้นสูง ครอบคลุมตั้งแต่ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี การพัฒนาซอฟต์แวร์และดิจิทัลแพลตฟอร์ม รวมถึงข้อได้เปรียบจากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศที่ได้รับการยอมรับและมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีชาวต่างชาติจำนวนมาก เรามั่นใจว่า บริษัทฯ จะสามารถเดินตามแผนเพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืนได้อย่างแน่นอน”
พชร บอกด้วยว่า การเป็น “Truly End-to-End Digital Transformation Partner” ยังถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางธุรกิจของบลูบิค โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นและทุ่มเทในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้แก่องค์กรธุรกิจไทยและต่างประเทศท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ตั้งเป้าโตไม่ต่ำกว่า 70%
บริษัทฯ ได้คาดการณ์ว่าผลประกอบการปีนี้จะเติบโตอย่างโดดเด่นไม่ต่ำกว่า 70% ซึ่งขณะนี้ บริษัทฯ มียอดรอรับรู้รายได้จากแบ็คล็อก (Backlog) สะสมแล้ว 448 ล้านบาทโดยจะมียอดรับรู้รายได้ของปีนี้ถึง 226 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 243.19 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) ที่มีรายได้ 126.9 ล้านบาท หรือเติบโต 92% และมีกำไรสุทธิ 30 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 105% โดยมีสัดส่วนการรับรู้รายได้แบบประจำ (Recurring Income) ราว 46% ของรายได้รวม ในขณะเดียวกันผลประกอบการรายได้ของปี 2564 อยู่ที่ 303 ล้านบาท