ตรวจแถวซอฟต์เพาเวอร์โลก สหรัฐคัมแบ็กเบอร์ 1

ตรวจแถวซอฟต์เพาเวอร์โลก   สหรัฐคัมแบ็กเบอร์ 1

ในวันที่ใครๆ ก็พูดถึงซอฟต์เพาเวอร์ หากเปรียบประเทศเป็นสินค้าแบรนด์หนึ่ง ซอฟต์เพาเวอร์เป็นตัวช่วยให้คนทั่วโลกรักประเทศนั้นโดยไม่ต้องใช้กำลังบังคับเป็นการทำให้เขาชอบเราโดยไม่รู้ตัว หรือพูดง่ายๆว่า ซอฟต์เพาเวอร์เป็นการสร้างแฟนคลับให้กับประเทศ 

ดัชนีซอฟต์เพาเวอร์โลกจัดทำโดยแบรนด์ไฟแนนซ์เผยแพร่เมื่อกลางเดือน มี.ค. เป็นงานวิจัยประจำปีถึงการรับรู้แบรนด์ 120 ประเทศจากผู้ให้ข้อมูลกว่า 100,000 คนทั่วโลก ใช้มาตรวัดด้านการบริหารงานของรัฐ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ ธุรกิจ และปีนี้เพิ่มประสิทธิภาพการแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 เข้ามาด้วย พบว่า สหรัฐกลับมาครองอันดับหนึ่งของตารางอีกครั้งหลังจากเคยทำได้เมื่อต้นปี 2563 หลังจากนั้นอันดับก็ร่วงลงไปอยู่ที่ 6 เมื่อต้นปี 2564 ผลงานที่ย่ำแย่มาจากการตอบสนองวิกฤติสุขภาพ

ถึงปีนี้ด้วยการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน สหรัฐถือเป็นประเทศที่ปรับตัวดีสุดในดัชนีปีล่าสุด บวกขึ้นมา 14.8 คะแนน จาก 55.9 เต็ม 100 ในปี 2564 มาอยู่ที่ 70.7 เต็ม 100 ในปีนี้ สูงสุดของตาราง

เดวิด เฮจ์ ประธานและซีอีโอแบรนด์ไฟแนนซ์ ระบุ “ดัชนีซอฟต์เพาเวอร์โลก 2565 เป็นผลจาก ประเทศนั้นฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด-19 ได้ดีแค่ไหน

สหรัฐกลับมาครองอันดับหนึ่งได้อีกครั้ง ตามด้วยสหราชอาณาจักร เยอรมนีและจีน ทั้งสี่ชาติเป็นเครื่องมือนำโลกออกจากวิกฤติสุขภาพผ่านการพัฒนาวัคซีน สำหรับสหรัฐ  นอกเหนือจากการมีผลงานดีอย่างต่อเนื่องในหลายเกณฑ์ เช่น ความคุ้นเคยและอิทธิพล ความสำเร็จเบื้องหลังการกลับมาสู่ตำแหน่งแชมป์คือ คะแนนการรับมือโควิด-19 ที่ดีขึ้นอย่างมหาศาล จากอันดับสุดท้ายของโลกเมื่อปี 2564 มาอยู่อันดับ 26 ในปีนี้

ไม่เพียงเท่านั้น สหรัฐยังดีขึ้นในด้านอื่นๆ ด้วย เช่น ชื่อเสียง (เพิ่มขึ้นจากอันดับ 21 มาอยู่อันดับ 6) การปกครอง (เพิ่มจากอันดับ 20 มาอยู่อันดับ 8) ประชาชนและค่านิยม (จากอันดับ 25 มาอันดับ 16) ทั้งหมดนี้กล่าวได้ว่าเป็นผลจากการรับรู้ด้านบวกต่อรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตรงข้ามกับนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สหรัฐโดดเดี่ยวตนเองออกจากนานาชาติ การเมืองภายในเกิดความแตกแยก

ข้อน่าสังเกตคือ เกณฑ์การปกครอง มาตรวัด “ความมั่นคงปลอดภัย” สหรัฐอยู่ในอันดับ 41 เกณฑ์ความเป็นมิตรในมาตรวัดประชาชนและค่านิยม สหรัฐอยู่ในอันดับ 62 ถือว่ายังคงต่ำมาก ความรุนแรงจากอาวุธปืนและความโหดร้ายของตำรวจส่งผลกระทบต่อการรับรู้แบรนด์สหรัฐในระดับนาชาติและน่าจะเป็นความท้าทายของประเทศต่อไป จนกว่าปัญหาเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขในระดับรากเหง้า

สหราชอาณาจักรโดดเด่นเหนือเยอรมนี

สหราชอาณาจักรฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากที่เคยผันผวนมาหลายปีเพราะเบร็กซิทและโควิด-19

ปีนี้สหราชอาณาจักรได้คะแนนรวม 64.9 เต็ม 100 เพิ่มขึ้นมา 7 คะแนนจาก 57.9 เมื่อปี 2564 ขยับจากอันดับ 3 มาอยู่อันดับ 2 ทั้งยังทำคะแนนได้ดีขึ้นในด้านความรู้จักมักคุ้นและการรับมือโควิด-19 เนื่องจากการพัฒนาวัคซีนออกซ์ฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า ประกอบกับโครงการฉีดวัคซีนของรัฐบาลได้ผล

ส่วนเยอรมนีที่เคยครองแชมป์ปี 2564 ปีนี้ทำคะแนนได้ดีขึ้น 64.6 เต็ม 100 แต่สหรัฐและสหราชอาณาจักรทำผลงานได้ดีกว่า เยอรมนีจึงต้องอยู่ในอันดับ 3 ประเทศนี้เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคงและแข็งแกร่งมานานกับรัฐบาลผสมภายใต้การนำของแองเกลา แมร์เคิล

ตอนนี้นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ นำพรรคร่วมรัฐบาลสัญลักษณ์สีแดง เขียว เหลือง เขาต้องเจองานใหญ่จัดการกับความคาดหวังและรักษามาตรฐานที่รัฐบาลก่อนเคยทำไว้

จีนสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

จีนประสบความสำเร็จขึ้นสู่อันดับดีที่สุดในดัชนีซอฟต์เพาเวอร์โลกแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นเบอร์หนึี่งของเอเชียทำคะแนนเพิ่มขึ้น 9.9 คะแนน รวม 64.2 เต็ม 100 ขยับจากอันดับ 8 มาอยู่อันดับ 4 แม้ผลงานของจีนอาจสร้างความตื่นตะลึงให้กับตะวันตกบางประเทศ แต่ไม่เกินความคาดหมายของประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศ

เมื่อเทียบกับทั้งโลก จีนครองอันดับ 4 ในแง่ความรู้จักมักคุ้น อันดับ 2 ในแง่อิทธิพล คะแนนด้านชื่อเสียงไต่ขึ้นมาสู่ระดับเดียวกับปี 2563 หลังจากตกลงไปในปี 2564

จีนยังทำผลงานดีในด้านธุรกิจและการค้า ที่ตอนนี้กระโดดข้ามสหรัฐเยอรมนีและญี่ปุ่น ขึ้นมาเป็นที่ 1 ในปี 2564 เศรษฐกิจจีนขยายตัว 8.1% การส่งออกเพิ่มขึ้น 30% ทะลุระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากความต้องการสินค้าจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ซอฟต์เพาเวอร์รัสเซียร่วงหลังรุกรานยูเครน

งานวิจัยชิ้นใหม่อีกชิ้นหนึ่งของแบรนด์ไฟแนนซ์เมื่อเดือน มี.ค.พบว่า ประชาชนในประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกกล่าวโทษรัสเซียกรณีความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในยูเครนขณะนี้ ขณะที่ผู้ให้ข้อมูลในจีนและอินเดียสนับสนุนจุดยืนของรัสเซียมากขึ้น

ผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ตำหนิรัสเซีย ได้แก่ ญี่ปุ่น 81% สหราชอาณาจักร 74% เยอรมนี 67% ฝรั่งเศส 64% บราซิล 63% สหรัฐ 60%

ผู้ให้ข้อมูลในแอฟริกาใต้และตุรกีกล่าวโทษรัสเซียมากกว่าฝ่ายอื่นที่ 48% และ 42% ตามลำดับ ในอินเดียแม้ 32% ตำหนิรัสเซีย แต่ก็ตำหนิสหรัฐและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) มากขึ้นที่ 46% ในจีนผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่ 52% กล่าวโทษสหรัฐ ที่กล่าวโทษรัสเซียมีเพียงน้อยนิด 11%

ในทางตรงข้ามหลังถูกรัสเซียรุกรานการรับรู้เกี่ยวกับยูเครนในสายตาชาวโลกดีขึ้น คะแนนความรู้จักมักคุ้นเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ 44% คะแนนอิทธิพลเพิ่มขึ้น 24% ด้านชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 12%

การที่สื่อทั่วโลกจับตาความขัดแย้งนี้ได้ส่งผลทางบวกต่อการรับรู้เกี่ยวกับยูเครนในทุกมาตรวัดของดัชนีซอฟต์เพาเวอร์โลก แม้ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับสงครามก็ตาม

ยูเออีผู้นำตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ครองอันดับ 15 ดีขึ้นสองอันดับจาก 17 ในปี 2564 สูงสุดเหนือประเทศใดๆ ในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ นำหน้าอิสราเอล (อันดับ 23) และซาอุดีอาระเบีย (อันดับ 24) โดยทำคะแนนดีสุดในด้านธุรกิจและการค้า ติดอันดับท็อปเท็นของโลก มาตรวัดที่ทำได้ดีที่สุดจากทั้งหมดคือ “ทำธุรกิจง่าย” ที่ยูเออีติดอันดับ 4 ในเกณฑ์นี้ ตามด้วย “เศรษฐกิจแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ” อยู่ในอันดับ 8

อีกมาตรวัดหนึ่งที่ยูเออีติดท็อปเท็นคือด้านอิทธิพล การลงนามและปฏิบัติตามข้อตกลงอับราฮัมมีส่วนสำคัญทำให้ยูเออีขยับอันดับในด้านอิทธิพลและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่อยู่ในอันดับ 11

ด้านความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศอื่นยูเออีขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 11 ผลจากการบริจาคอุปกรณ์ป้องกันตัวและวัคซีนในช่วงโควิด-19 ระบาด แต่ที่ยกระดับมากที่สุดในปีนี้คือด้านการศึกษาและวิทยาศาสตร์ ขยับขึ้น 1 คะแนน ตั้งแต่ปี 2564 

จากการให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจไฮเทค การศึกษาเฉพาะทาง และการลงทุนเข้มข้นด้านสำรวจอวกาศด้วยภารกิจดาวอังคารเอมิเรตส์ จึงไม่ต้องสงสัยเลยถึงอิทธิพลต่อการรับรู้ถึงความสามารถของยูเออีในด้านนี้

ตรวจแถวซอฟต์เพาเวอร์โลก   สหรัฐคัมแบ็กเบอร์ 1