ดาวโจนส์ปิดบวก 238 จุดหลังทรุดตัวหนักสัปดาห์ก่อน

ดาวโจนส์ปิดบวก 238 จุดหลังทรุดตัวหนักสัปดาห์ก่อน

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์ (25เม.ย.)ปรับตัวขึ้น 238 จุด สวนทางกับช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วที่ปิดตลาดร่วงหนักเกือบ 1,000 จุด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 238.06 จุด หรือ 0.70% ปิดที่ 34,049.46 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 24.34 จุด หรือ 0.57% ปิดที่ 4,296.12 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 165.55 จุด หรือ 1.29% ปิดที่ 13,004.85 จุด

หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวลงในวันนี้ นำโดยกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันทรุดตัวลงกว่า 5% แต่ราคาหุ้นของบริษัททวิตเตอร์ อิงค์พุ่งขึ้นเกือบ 4% ในวันนี้ ขณะที่ราคาหุ้นเทสลา อิงค์ร่วงลงเกือบ 1% หลังแหล่งข่าวระบุว่า นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา ใกล้บรรลุข้อตกลงในการซื้อกิจการทวิตเตอร์ โดยอาจมีการแถลงข่าวในวันนี้

สื่อรายงานว่า ในช่วงต้นเดือนนี้ นายมัสก์ได้เสนอซื้อหุ้น 100% ของทวิตเตอร์ โดยให้ราคาหุ้นละ 54.20 ดอลลาร์ คิดเป็นวงเงิน 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 1.4 ล้านล้านบาท แต่ต่อมา บอร์ดบริหารของทวิตเตอร์ไม่อนุมัติแผนดังกล่าว โดยใช้มาตรการที่เรียกว่า "poison pill" เพื่อสกัดแผนการครอบงำกิจการแบบปรปักษ์ของนายมัสก์

อย่างไรก็ดี บอร์ดฯทวิตเตอร์เริ่มมีท่าทีอ่อนลง และมีแนวโน้มยอมรับข้อเสนอของนายมัสก์ หลังจากที่เขาได้เปิดเผยว่าสามารถระดมทุน 4.65 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้อกิจการทวิตเตอร์

ล่าสุด บอร์ดบริหารของทวิตเตอร์ได้ประชุมกันเมื่อวานนี้เพื่อพิจารณาข้อเสนอของนายมัสก์ รวมทั้งข้อเสนออื่นๆ และมีแนวโน้มว่าบริษัทอาจจัดการแถลงข่าวในประเด็นดังกล่าวภายในวันนี้ ก่อนที่จะเปิดเผยผลประกอบการในวันพฤหัสบดี

นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทแอ๊ปเปิ้ล, ไมโครซอฟท์, อเมซอน, อัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล รวมทั้งบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ หรือเฟซบุ๊ค

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเกือบ 1,000 จุดเมื่อวันศุกร์(22เม.ย.) ท่ามกลางความผิดหวังต่อการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ นักลงทุนวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลง 1.9% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 2.8% และดัชนีแนสแด็กรูดลง 3.8% โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 3

นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เขาสนับสนุนให้เฟดดำเนินการเร็วขึ้นเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ และระบุว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ค. ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% นับตั้งแต่ปี 2543

นอกจากนี้ ตลาดยังกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงขึ้นหลังเดือนพ.ค. โดยอาจปรับขึ้น 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ