ปิดฉากหาเสียงเลือกตั้งฟิลิปปินส์ ลูกชายมาร์กอสนำแลนด์สไลด์

การเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในวันที่ 9 พ.ค. ถูกมองว่า เป็นช่วงเวลาสำคัญในการชี้เป็นชี้ตายประชาธิปไตยของประเทศ

โพลหลายสำนักชี้ว่า ในบรรดาผู้สมัครทั้ง 10 คน เฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ บุตรชายอดีตผู้นำเผด็จการจะชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงเกินครึ่ง ทำให้เขาเป็นประธานาธิบดีคนแรกหลังยุคมาร์กอสที่ได้เสียงข้างมากเด็ดขาด

นักวิเคราะห์หลายรายเตือนว่า ผลการเลือกตั้งแบบนี้อาจทำให้ระบบตรวจสอบถ่วงดุลตามวิถีประชาธิปไตยอ่อนแอ การทุจริตมากขึ้น และเกิดความพยายามนำรัฐธรรมนูญปี 1987 (พ.ศ.2530) กลับมาใช้ใหม่ ที่รวมถึงการยกเลิกจำกัดประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งเพียงวาระเดียว

“ถ้าเขาชนะมากอาจทำให้เขามั่นใจและมีแรงหนุนเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองฟิลิปปินส์แบบถอนรากถอนโคนมากขึ้น” ริชาร์ด เฮย์ดาเรียน นักวิเคราะห์ผู้ติดตามการเมืองฟิลิปปินส์มานาน เผยกับสำนักข่าวเอเอฟพี

รัฐบาลก่อนๆ รวมทั้งประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต พยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ร่างขึ้นหลังมาร์กอสผู้พ่อถูกโค่นลงจากอำนาจในปี 2529 แต่พวกเขาไม่มีเสียงในสภามากพอ แต่โพลล่าสุดจากพัลส์เอเชียรีเสิร์ช ชี้ว่า มาร์กอสจูเนียร์ มีคะแนน 56% เหนือคู่แข่งอย่างรองประธานาธิบดีเลนี โรเบรโด ถึง 33% ทั้งๆ ที่ในการเลือกตั้งรองประธานาธิบดีเมื่อปี 2559 โรเบรโดมีชัยเหนือมาร์กอสจูเนียร์แบบฉิวเฉียด

การชนะแบบแลนด์สไลด์จะทำให้มาร์กอสจูเนียร์มีอำนาจปกครองแบบเดียวกับที่ดูเตอร์เตอยากทำ “เป็นการปกครองโดยไม่มีความยับยั้งชั่งใจ” เฮย์ดาเรียนกล่าว 

ด้านโรเบรโด วัย 57 ปี เตือนผู้สนับสนุน เดิมพันด้วย“อนาคตประเทศ” แต่เธอมีคะแนนนิยมในกลุ่มหัวก้าวหน้าเพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้แต่แอนา มาเรีย ทาบันดา จากพัลส์เอเชียรีเสิร์ชเผยว่า มีโอาสชนะน้อยมาก ค่าความผิดพลาดในโพลมีแค่บวกลบ 2% เท่านั้น แต่มาร์กอสจูเนียร์นำโรเบรโดอยู่มาก

การหาเสียงครั้งสุดท้ายในวันนี้ที่กรุงมะนิลา คาดว่ากองเชียร์ทั้งสองฝ่ายจะไปฟังปราศรัยกันเป็นแสนๆ วันจันทร์ทั้งมาร์กอสจูเนียร์และโรเบรโด ใครได้เสียงมากกว่าอีกฝ่ายก็ชนะ

สำหรับมาร์กอสจูเนียร์แม้พ่ายแพ้ให้โรเบรโดในปี 2559 เขาควบคุมการหาเสียงอย่างเข้มงวด ไม่ดีเบตทางโทรทัศน์กับคู่แข่ง ไม่ค่อยให้สัมภาษณ์สื่อก่อนวันเลือกตั้ง แต่ใช้วิธีโพสต์คลิปลงยูทูบ ฉายภาพตนเองและครอบครัวอันมั่งคั่งเป็นชาวฟิลิปปินส์ทั่วไป ตอบคำถามง่ายๆ จากเซเลบริตี้

การระดมโพสต์ข้อมูลบิดเบือนบนโซเชียลมีเดียพุ่งเป้าผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นใหม่ ที่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับความรุนแรงและทุจริตสมัยบิดาก็เพื่อเขียนประวัติใหม่ให้ตระกูลมาร์กอส