ดาวโจนส์ปรับตัวร่วงลง 38 จุดก่อนหยุดยาวสุดสัปดาห์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 38.29 จุด หรือ 0.13%  ปิดที่ 29,888.78 จุด

ดัชนีเอสแอนด์พี500 เพิ่มขึ้น 0.22% ปิดที่ 3,674.84 จุด

ดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.43%  ปิดที่ 10,798.35 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 700 จุดเมื่อวันพฤหัสบดี(16มิ.ย.)หลุดระดับ 30,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.2564 เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากธนาคารกลางหลายแห่งได้พากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนในวันนี้ เนื่องจากตรงกับวัน quadruple witching ซึ่งเป็นวันครบกำหนดส่งมอบออปชั่นและสัญญาล่วงหน้ารายไตรมาสของหุ้นและดัชนีต่างๆพร้อมกัน

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 4.7% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ และมีแนวโน้มปรับตัวลง 11 ใน 12 สัปดาห์ ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 6% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ และมีแนวโน้มทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดรายสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ส่วนดัชนีแนสแด็กดิ่งลง 6.1% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับระบบการเงินระหว่างประเทศ

"ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของเฟดในการรักษาเสถียรภาพราคาได้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ดอลลาร์ในฐานะตัวกลางในการเก็บรักษามูลค่า ซึ่งการไปถึงจุดนั้น ผมและกรรมการเฟดได้พุ่งความสนใจไปยังเป้าหมายในการควบคุมเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมาย 2% ของเฟด" นายพาวเวลกล่าวในงานสัมมนาซึ่งเฟดจัดขึ้นในหัวข้อ "บทบาทในระดับโลกของสกุลเงินดอลลาร์"

"การบรรลุภารกิจของเฟดในการจ้างงานเต็มศักยภาพ พร้อมกับรักษาเสถียรภาพของราคานั้นจะต้องขึ้นอยู่กับการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ประชาคมระหว่างประเทศยังคงถือครองและใช้สกุลเงินดอลลาร์ต่อไป" นายพาวเวลกล่าว

นายพาวเวลได้กล่าวถึงความสำคัญของดอลลาร์ในการดำเนินธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ รวมทั้งการที่เฟดได้จัดส่งดอลลาร์ให้แก่ธนาคารกลางหลายแห่งที่ประสบปัญหาสภาพคล่องในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19

นอกจากนี้ นายพาวเวลยังได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นต่อระบบการเงินโลก ซึ่งรวมถึงการใช้สกุลเงินดิจิทัล และระบบการชำระเงิน เช่น FedNow ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้บริการผ่านระบบออนไลน์ในปี 2566

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก จะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 20 มิ.ย. เพื่อชดเชยวันจูนทีนธ์ (Juneteenth) ของสหรัฐ ซึ่งถือเป็นวันหยุดราชการที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการล่าสุด

นอกจากนี้ ตลาดปริวรรตเงินตรา และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งสถานที่ราชการของสหรัฐจะปิดทำการในวันดังกล่าวเช่นกัน

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ลงนามในกฎหมาย Juneteenth National Independence Day Act เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ปี2564 โดยกำหนดให้วันจูนทีนธ์ (Juneteenth) เป็นวันหยุดประจำปีของรัฐบาลกลางสหรัฐเพื่อรำลึกถึงการสิ้นสุดของการค้าทาสในอเมริกา

วันจูนทีนธ์ (Juneteenth) มาจากการสนธิคำ 2 คำเข้าด้วยกัน คือ "June" และ "nineteenth" โดยวันดังกล่าวจะเป็นวันหยุดประจำชาติของสหรัฐในวันที่ 19 มิ.ย.ของทุกปี เพื่อรำลึกเหตุการณ์ในวันที่ 19 มิ.ย. ปี 2408 โดยทาสซึ่งเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันในเมืองกาลเวสตัน รัฐเท็กซัส ได้รับการประกาศว่าพวกเขาได้รับอิสรภาพแล้ว หลังจากที่กองทัพของรัฐทางเหนือของสหรัฐที่ไม่เห็นด้วยกับการค้าทาส สามารถรบชนะรัฐฝ่ายใต้ ซึ่งมองว่าทาสยังคงมีความสำคัญต่อระบบอุตสาหกรรมในขณะนั้น

อย่างไรก็ดี การปลดปล่อยทาสในรัฐเท็กซัสเกิดขึ้นนานกว่า 2 ปี หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์นประกาศอิสรภาพให้แก่ทาสทั้งหมดในรัฐทางใต้

วันจูนทีนธ์ถือเป็นวันหยุดราชการล่าสุดของรัฐบาลกลางสหรัฐนับตั้งแต่มีการประกาศวันหยุดมาร์ติน ลูเธอร์คิง จูเนียร์ในปี 2526