ผู้นำโลกวิจารณ์คำตัดสินศาลสูงสหรัฐปมกม.ทำแท้ง
เหล่าผู้นำโลกวิจารณ์คำตัดสินศาลสูงสหรัฐว่าทำลายเสรีภาพผู้หญิงและถือเป็นการก้าวถอยหลังครั้งใหญ่ สวนทางสำนักวาติกัน ที่ชื่นชมและมองว่าคำตัดสินนี้กระตุ้นเตือนให้คนทั่วโลกได้ทบทวนเกี่ยวกับการให้กำเนิดชีวิต
หลังศาลสูงสหรัฐ ล้มล้างคำพิพากษาคดีในอดีต ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ Roe v Wade ที่กำหนดว่าการทำแท้งถูกกฎหมาย ด้วยเสียง 6-3 พลิกโฉมสิทธิในการทำแท้งในสหรัฐ โดยจะทำให้แต่ละรัฐ สามารถสั่งห้ามการทำแท้งได้ และคาดว่ารัฐต่างๆ ประมาณครึ่งหนึ่งจะออกกฎหมายใหม่ หรือสั่งห้ามการทำแท้งอย่างเด็ดขาด
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ กล่าวว่า คำตัดสินของศาลสูงสุดสหรัฐ ให้พลิกกลับคำตัดสินของ Roe v. Wade ในปี 1973 ที่ยอมรับสิทธิตามรัฐธรรมนูญของผู้หญิงในการทำแท้ง เป็นการก้าวถอยหลังครั้งใหญ่ พร้อมทั้งบอกว่าเขาเชื่อในสิทธิในการเลือกของผู้หญิงมาโดยตลอด และยึดมั่นในมุมมองดังกล่าว และนี่คือเหตุผลที่สหราชอาณาจักรมีกฎหมายที่รองรับมุมมองดังกล่าว
ขณะที่นายกรัฐมนตรีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ทวิตข้อความทางทวิตเตอร์ ว่า“การทำแท้งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสำหรับผู้หญิงทุกคน หลักการนี้จะต้องได้รับการคุ้มครอง ผมต้องการแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับสตรี ซึ่งเสรีภาพถูกบ่อนทำลายโดยศาลสูงสุดแห่งสหรัฐ”
ทั้งนี้ นอกจากอังกฤษและฝรั่งเศสที่มีความเห็นคัดค้านแล้ว ยังมีอีกหลายประเทศที่ออกมาวิจารณ์คำตัดสินของศาลสูงสุดสหรัฐ
สวนทางกับสำนักวาติกัน ที่แถลงชื่นชม คำตัดสินนี้และมองว่าเป็นการกระตุ้นเตือนให้คนทั่วโลกได้คิดทบทวนเกี่ยวกับการให้กำเนิดชีวิต
ในส่วนของภาคธุรกิจอเมริกันหลายแห่ง อย่าง บริษัทวอลท์ ดิสนีย์ โค. และเมตา บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ค ประกาศนโยบายออกค่าใช้จ่ายให้แก่พนักงานที่จำเป็นต้องเดินทางข้ามรัฐเพื่อไปรับบริการทำแท้งอย่างถูกกฎหมาย