ดาวโจนส์พุ่ง 658 จุดขานรับซิตี้กรุ๊ป-ยอดค้าปลีกแกร่ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น  658.09 จุด หรือ 2.15% ปิดที่ 31,288.26 จุด

ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 1.92% ปิดที่ 3,863.16 จุด

ดัชนีแนสแด็ก ดีดตัวขึ้น 1.79% ปิดที่11,452.42 จุด

 

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นนำตลาดในวันนี้

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกดีดตัวขึ้น 1.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนพ.ค.

เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 9.1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2524 โดยยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นได้รับแรงหนุนจากการการดีดตัวขึ้นของราคาพลังงาน และยอดขายรถยนต์

ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากลดลง 0.3% ในเดือนพ.ค.

ราคาหุ้นซิตี้กรุ๊ปพุ่งขึ้นกว่า 5% หลังเปิดเผยว่าทางธนาคารมีกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 โดยได้รับอานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยที่ดีดตัวขึ้น และผลประกอบการที่แข็งแกร่งในธุรกิจเทรดดิ้ง แม้ว่ากำไรลดลง 27% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากการกันสำรองหนี้สูญ และรายได้ที่อ่อนแอในธุรกิจวาณิชธนกิจ

การประกาศผลประกอบการที่สูงกว่าคาดของซิตึ้กรุ๊ปสวนทางเจพีมอร์แกน เชส, มอร์แกน สแตนลีย์ และเวลส์ ฟาร์โก ซึ่งต่างก็เปิดเผยกำไรและรายได้ที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2 โดยได้รับผลกระทบจากการกันสำรองหนี้สูญ

นักวิเคราะห์เตือนก่อนหน้านี้ว่า ธนาคารสหรัฐจะรายงานตัวเลขกำไรในไตรมาส 2 ที่น่าผิดหวัง เนื่องจากมีการเพิ่มการกันสำรองหนี้สูญ ท่ามกลางแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ กฎระเบียบที่มีการบังคับใช้ในเดือนม.ค.2563 กำหนดให้ธนาคารต่างๆจะต้องนำปัจจัยแนวโน้มเศรษฐกิจเข้ารวมในการพิจารณากันสำรองหนี้สูญ

นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชสกล่าวเตือนในเดือนที่แล้วว่า สหรัฐกำลังเผชิญพายุเฮอร์ริเคนด้านเศรษฐกิจ ขณะที่นายเจมส์ กอร์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวว่า มีโอกาส 50% ที่สหรัฐจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย