ดาวโจนส์บวก 162 จุดได้แรงหนุนจากหุ้นบ.ชั้นนำปรับตัวขึ้น

ดาวโจนส์บวก 162 จุดได้แรงหนุนจากหุ้นบ.ชั้นนำปรับตัวขึ้น

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี (21ก.ค.)ปรับตัวขึ้น 162 จุด ในช่วงท้ายของการซื้อขายเพราะได้แรงหนุนจากหุ้นบริษัทชั้นนำมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากช่วงเปิดการซื้อขายดัชนีปรับตัวร่วงลงจากรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ มีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 162.06 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 32,036.90 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้น 39.05 จุด หรือ 0.99% ปิดที่ 3,998.95 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 161.96 จุด หรือ 1.36% ปิดที่ 12,059.61 จุด

ทั้งนี้ ราคาหุ้นเทสลาพุ่งขึ้น 9.8% หลังจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายนี้ รายงานผลประกอบการรายไตรมาสดีเกินคาด ช่วยหนุนตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในช่วงที่ราคาหุ้นกลุ่มโทรคมนาคมและพลังงานปรับตัวร่วงลง

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตามองการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในสัปดาห์หน้า ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ด้านธนาคารกลางยุโรปตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย เมื่อวันพฤหัสบดี(21ก.ค.) 0.50% เพื่อบรรเทาเงินเฟ้อ ถือเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2554

ในช่วงเปิดการซื้อขาย ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวร่วงลงจากข่าวทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีไบเดน ผู้นำสหรัฐวัย 79 ปี มีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก

"ท่านประธานาธิบดีไบเดนมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย โดยท่านได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดส รวมทั้งได้รับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ถึง 2 เข็มก่อนหน้านี้" นางแครีน ฌ็อง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าว

ปธน.ไบเดนได้รับยาแพกซ์โลวิดเพื่อรักษาอาการป่วยจากโรคโควิด-19 และจะเข้าสู่กระบวนการกักตัวที่ทำเนียบขาว แต่ก็จะยังคงปฏิบัติภารกิจในช่วงเวลาดังกล่าว

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังถูกกดดันจากตัวเลขคนว่างงานที่สูงเกินคาด ขณะที่นักลงทุนวิตกว่าการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ในสัปดาห์หน้าจะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะถดถอย

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 251,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2564 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 240,000 ราย

นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่า 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.384 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.6% ในไตรมาส 2/65 จากเดิมที่คาดการณ์ในวันที่ 15 ก.ค.ว่ามีแนวโน้มหดตัว 1.5%

ตัวเลขคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.6% ทั้งในไตรมาส 1 และ 2 ซึ่งแสดงว่าสหรัฐเข้าเกณฑ์นิยามของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน

เฟดสาขาแอตแลนตาจะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งใหม่ในวันที่ 27 ก.ค. ก่อนที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับจีดีพี ประจำไตรมาส 2 ในวันที่ 28 ก.ค.