'โกลด์แมนแซคส์'-'โนมูระ'พร้อมใจหั่นคาดการณ์จีดีพีจีน

'โกลด์แมนแซคส์'-'โนมูระ'พร้อมใจหั่นคาดการณ์จีดีพีจีน

โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จีนในปี 2565 ลงสู่ระดับ 3% จาก 3.3% ขณะที่โนมูระปรับลดคาดการณ์จีดีพี จีนในปี 2565 ลงเหลือ 2.8% จากระดับ 3.3%

ตอนนี้บรรดานักลงทุนพากันกังวลว่าเศรษฐกิจจีนจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ จนส่งผลต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ล่าสุด โกลด์แมน แซคส์ และโนมูระ โฮลดิงส์ พร้อมใจกันปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนรอบใหม่ เนื่องจากวิกฤตอุปทานด้านพลังงาน รวมทั้งอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง และผลกระทบจากการใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลปักกิ่ง ที่เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับแนวโน้มเศรษฐกิจของจีน

โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จีนในปี 2565 ลงสู่ระดับ 3% จาก 3.3% ขณะที่โนมูระปรับลดคาดการณ์จีดีพี จีนในปี 2565 ลงเหลือ 2.8% จากระดับ 3.3%

เศรษฐกิจจีนชะลอตัวอย่างมากในเดือนก.ค. เนื่องจากการทรุดตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์และการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์สกัดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจและการบริโภคอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ ธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) จึงตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายแบบเหนือความคาดหมายในสัปดาห์นี้ เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นเตรียมขายพันธบัตรเพิ่มอีก เพื่อระดมทุนในการใช้จ่าย

นักเศรษฐศาสตร์ของโนมูระ มีความเห็นว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีนย่ำแย่ลงเมื่อไม่นานมานี้ และข้อมูลกิจกรรมเศรษฐกิจในเดือนส.ค.อาจทรุดตัวลงมากกว่าในเดือนก.ค. เนื่องจากจีนสั่งล็อกดาวน์เมืองต่าง ๆ เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ภาวะคลื่นความร้อนในปัจจุบันยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

นักเศรษฐศาสตร์ของโนมูระ คาดการณ์ว่า จีดีพีจีนจะขยายตัวเพียง 2.9% ในไตรมาส 3/2565 เมื่อเทียบเป็นรายปี และขยายตัว 3.3% ในไตรมาส 4/2565

นักเศรษฐศาสตร์มีมุมมองเชิงลบมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้ โดยคาดว่ารัฐบาลจีนจะพลาดเป้าการเติบโตของจีดีพีที่ระดับ 5.5% ในปีนี้ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวเพียง 3.8% ในปีนี้

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนชะลอตัวลงตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยมีสาเหตุมาจากการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ ยักษ์ใหญ่ของวงการอสังหาริมทรัพย์จีน ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่า วิกฤตการณ์ดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจจีน เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นเสาหลักสำคัญในการขยายตัวของจีน โดยมีสัดส่วนผลผลิตทางเศรษฐกิจสูงเกือบ 30%

“ทอมมี วู” หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทอ็อกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิกส์ กล่าวว่า กระแสเงินสดหมุนเวียนของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจีน ทรุดตัวลง 24% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี

ส่วนยอดการระดมเงินทุนของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเดือนก.ค.อยู่ที่ 15.22 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 2.27 ล้านล้านดอลลาร์) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 20.11 ล้านล้านหยวน

การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวของนักวิเคราะห์ มีขึ้นหลังจากทางการจีนเปิดเผยว่า ความต้องการสินเชื่อภายในประเทศอยู่ในระดับต่ำกว่าคาดการณ์ในเดือนก.ค. และภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก

วิกฤติที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ส่งผลให้รัฐบาลจีนออกมาตรการควบคุมความร้อนแรงของตลาดอีกครั้ง โดยกำหนดว่าค่าเช่าบ้านในเมืองต่าง ๆ จะต้องไม่เพิ่มขึ้นเกินกว่า 5% ต่อปี ถือเป็นครั้งแรกที่จีนออกฎควบคุมราคาค่าเช่าบ้าน

พร้อมกับเตือนว่าจะกวาดล้างพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของบริษัทอสังหาริมทรัพย์และแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์ เช่นการเรียกเก็บค่าเช่าที่สูงเกินไป โดยมาตรการดังกล่าวเป็นหนึ่งในความพยายามของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ให้คำมั่นว่าจะลดความไม่เสมอภาคด้านความมั่งคั่ง และต้องการบรรลุเป้าหมายการสร้างความเจริญรุ่งเรืองอย่างเท่าเทียมกันตามค่านิยมของระบอบคอมมิวนิสต์

“ปัญหาใหญ่ในขณะนี้คือ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีเงินสดหมุนเวียนไม่เพียงพอที่จะผลักดันโครงการที่อยู่อาศัยให้รุดหน้าต่อไปได้ หนึ่งในแนวทางที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวได้คือการทำให้กลุ่มผู้ซื้อบ้านมีความเชื่อมั่นในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายบ้าน และช่วยให้บริษัทเหล่านี้มีสถานะการเงินที่ดีขึ้น” วู กล่าว