“สี จิ้นผิง” จ่อออกนโยบายจีน รุกเพิ่มอัตราการเกิด รับมือวิกฤติสังคมสูงวัย
“จีน” เตรียมประกาศใช้นโยบายต่าง ๆ เพื่อเพิ่มอัตราการเกิด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายของจีนกังวลว่าจำนวนประชากรจีนลดลงอย่างรวดเร็ว อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวกับผู้แทนราว 2,300 คนในพิธีเปิดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ที่จัดขึ้นในทุก 5 ปี ณ กรุงปักกิ่ง ในวันอาทิตย์ (16 ต.ค.) ว่า เราจะกำหนดระบบนโยบายเพื่อเพิ่มอัตราการเกิด และใช้ยุทธศาสตร์แห่งชาติแบบเชิงรุกเพื่อรับมือกับปัญหาประชากรสูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น
นักประชากรศาสตร์กล่าวว่า แม้จีนจะมีประชากร 1.4 พันล้านคน ซึ่งมากที่สุดในโลก แต่อัตราการเกิดใหม่ในจีนมีแนวโน้มลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ โดยคาดว่าจำนวนเด็กเกิดใหม่ จะลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 10 ล้านคน จากระดับ 10.6 ล้านคนในปี 2564 และตัวเลขดังกล่าวลดลงจากปี 2563 ถึง 11.5%
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทางการจีนได้บังคับใช้นโยบายลูกคนเดียวตั้งแต่ปี 2523 ถึง 2558 แต่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นนโยบายลูก 3 คน โดยตระหนักว่าจีนอยู่ในภาวะจำนวนประชากรลดลง จีนมีอัตราการเจริญพันธุ์ (Fertility Rate) อยู่ที่ 1.16 ในปี 2564 ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราเจริญพันธุ์ที่ต่ำที่สุดในโลก และต่ำกว่าระดับ 2.1 ที่องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) มองว่าเป็นตัวเลขที่สำคัญในการทำให้ประชากรมีเสถียรภาพ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทางการจีนได้ใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการเพิ่มจำนวนประชากร เช่น การลดหย่อนภาษี, การเพิ่มระยะเวลาการลาคลอดบุตร, การยกระดับประกันสุขภาพ, การให้ความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย, เงินพิเศษสำหรับบุตรคนที่ 3 และการควบคุมโรงเรียนสอนพิเศษซึ่งคิดค่าสอนในราคาแพง