“ลม” เวียดนามมาแรง บ.ต่างชาติจ่อทุ่มทุนพลังงานสีเขียว
พลังงานลมนอกชายฝั่งทะเลของเวียดนามเริ่มดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งสำนักข่าวนิคเคอิเผยแพร่บทความระบุว่า บริษัทญี่ปุ่นและยุโรปหลายแห่งกำลังดำเนินการสำคัญครั้งใหญ่กับพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเลเวียดนาม
บริษัทญี่ปุ่นและยุโรปหลายแห่งกำลังดำเนินการสำคัญครั้งใหญ่กับพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเลเวียดนาม เพื่อดำเนินธุรกิจและสร้างกำไรจากการผลักดันพลังงานหมุนเวียนในประเทศกำลังพัฒนาแห่งนี้ โดยเฉพาะลมตามชายฝั่งมีแรงกำลังที่เหมาะสมและเป็นปัจจัยสำคัญของการดำเนินงาน
ทั้งนี้ จากข้อมูลแผนที่ที่เผยแพร่โดยกลุ่มธนาคารโลกและองค์กรอื่น ๆ พบว่า พื้นที่นอกชายฝั่งทางภาคใต้ของเวียดนามมีลมที่มีความเร็วลม 10 เมตรต่อวินาที โดยทั่วไป พลังงานลมนอกชายฝั่งสามารถนำไปพัฒนาต่อได้คือความเร็วลมตั้งแต่ 8 เมตรต่อวินาที
อย่างไรก็ดี ในภูมิภาคเอเชียตะวันอกเฉียงใต้ จะมีลมพัดแรงในประเทศเวียดนามและฟิลิปปินส์ ขณะที่ลมรอบ ๆ ประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียมีกำลังอ่อน
ส่วนการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 26 หรือ COP26 ณ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสก็อตแลนด์เมื่อปีก่อน “ฝั่ม มิญ จิ๊ญ” นายกรัฐมนตรีเวียดนามประกาศแผนบรรลุเป้าหมายการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ภายในปี 2593
ในช่วงระยะกลางถึงระยะยาวของการดำเนินงานให้ได้ตามเป้า เวียดนามจำเป็นต้องจัดหาแหล่งพลังงานเพื่อทดแทนพลังงานถ่านหิน คิดเป็น 50% ของแหล่งพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศและคาดว่าพลังงานลมจะเป็นส่วนสำคัญในแผนจัดการพลังงานของรัฐบาล
เมื่อพิจารณาจากกำลังการผลิตไฟฟ้า พบว่า ปริมาณพลังงานลมในเวียดนามคิดเป็น 5% ของพลังงานในประเทศ และรัฐบาลวางแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนพลังงานลมเป็น 30% ภายในปี 2593
ปัจจุบันพลังงานลมในเวียดนาม เป็นของโรงไฟฟ้าบนบกที่บริหารจัดการโดยบริษัทในท้องถิ่น เนื่องจากการขยายการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง ต้องใช้ทั้งความแข็งแกร่งทางเทคโนโลยีและการเงิน โดยรัฐบาลเวียดนามมีความคาดหวังสูงต่อการเข้าร่วมลงทุนอย่างมุ่งมั่นของบริษัทต่างชาติ ทั้งยังเอ่ยถึงนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่เล็งลงทุน หรือเริ่มลงทุนโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งเวียดนามด้วย
เมื่อเดือน ก.ย. 2565 บริษัท “ซูมิโตโม คอร์ป” ของญี่ปุ่น ประกาศโครงการพัฒนาพลังงานลมนอกชายฝั่งเวียดนาม และในเดือน ธ.ค. บริษัทได้สำรวจสถานที่เพื่อศึกษาเส้นทางการวางสายเคเบิล และซูมิโตโมวางแผนเริ่มดำเนินงานฟาร์มกังหันลมหรือกลุ่มกังหันลม ด้วยกำลังการผลิตที่ 500 เมกะวัตต์ถึง 1 กิกะวัตต์ภายในปี 2593
หากการเริ่มต้นเป็นไปตามแผน บริษัทจะตั้งเป้าพัฒนาโครงการพลังงานลมต่อไป ร่วมถึงพลังงานลมทางภาคเหนือของเวียดนามด้วย
“รีโนวา” บริษัทญี่ปุ่นอีกแห่งหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านพลังงานหมุนเวียน ได้จัดตั้งศูนย์การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในเวียดนามเช่นกันโดยเมื่อเดือน เม.ย. 2565 รีโนวาได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อการพัฒนาพลังานลมกับเปโตรเวียดนาม กรุ๊ป พร้อมแผนพัฒนาโรงงานพลังงานลม 2 กิกะวัตต์ในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทกำลังพิจารณาที่จะพัฒนาโรงไฟฟ้าลอยน้ำนอกชายฝั่ง ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่มีกังหันลอยอยู่บนพื้นผิวมหาสมุทร และรีโนวายังมีส่วนร่วมในโครงการพลังงานหมุนเวียนประเทศอื่นๆ ด้วย เช่น เกาหลีใต้และฟิลิปปินส์ แต่ทุ่มเทด้านบุคลากรมากที่สุดในเวียดนาม
“เคอิ ไซคิ” ผู้บริหารร่วมธุรกิจระดับโลก กล่าวว่า “รีโนวา นิยามเวียดนามว่าเป็นหนึ่งในประเทศสำคัญ สำหรับการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน”
บทความที่เผยแพร่โดยนิกเกอิยังกล่าวว่า “Orsted” บริษัทพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดของโลก สัญชาติเดนมาร์ก กำลังสนใจประเทศเวียดนาม โดยบริษัทเริ่มมองหาโครงการที่จะทำในเวียดนามเมื่อปี 2563 และจะลงนามบันทึกความเข้าใจกับกลุ่มบริษัททีแอนด์ทีของเวียดนามในปีหน้า เพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้า
ซึ่งทีแอนด์ทีกรุ๊ปได้ขยายการผลิตพลังงานหมุนเวียนแล้ว โดยบริษัทมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าพลังงานลมหลายแห่ง ซึ่งมีกำลังผลิตอยู่ที่ 1 กิกะวัตต์
ด้วยจำนวนประชากรเวียดนามประมาณ 100 ล้านคน ประเทศจึงมีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีกลุ่มผู้ผลิตหรือธุรกิจจากต่างประเทศจำนวนมาก แต่โครงสร้างพื้นฐานการผลิตพลังงานของเวียดนามยังไม่ค่อยพัฒนา จึงอาจนำไปสู่การขาดแคลนไฟฟ้ารุนแรงในเร็วๆ นี้