IMF เตือนโลกแบ่งขั้วอำนาจเศรษฐกิจ ส่อฉุด GDP สูงถึง 7%
IMF ชี้การแบ่งขั้วโลก อาจบั่นทอน GDP โลกสูงถึง 7% โดยอาจบั่นทอน 8% - 12% ในบางประเทศ หากมีการแบ่งแยกทางเทคโนโลยีร่วมด้วย
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุในรายงานที่มีการเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (15 ม.ค.) ว่า การแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นรุนแรงทั่วโลก หลังจากที่โลกเคยขับเคลื่อนด้วยระบบโลกาภิวัตน์ตลอดช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมานั้น อาจบั่นทอนตัวเลข GDP โลกสูงถึง 7% โดยอาจบั่นทอน 8% - 12% ในบางประเทศ หากมีการแบ่งแยกทางเทคโนโลยีร่วมด้วย
IMF ระบุว่า แม้กรณีที่เศรษฐกิจโลกแบ่งขั้วกันในวงจำกัดก็ยังอาจลด GDP โลกได้ 0.2% แต่ยังจำเป็นต้องประเมินผลกระทบที่มีต่อเครือข่ายความปลอดภัยทางการเงินระดับโลก (GFSN) ด้วย
รายงานระบุว่า การหมุนเวียนของสินค้าและเงินทุนทั่วโลกลดน้อยลง หลังเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกในปี 2551 ? 2552 และการออกมาตรการจำกัดทางการค้าก็เพิ่มสูงขึ้นในปีต่อ ๆ มา
"โรคโควิด-19 ระบาดและกรณีรัสเซียรุกรานยูเครนได้ทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากขึ้นและเพิ่มข้อกังขาเกี่ยวกับผลประโยชน์ของโลกาภิวัตน์" IMF ระบุในรายงาน
IMF ระบุว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นส่งผลให้ปัญหาความยากจนทั่วโลกลดลงอย่างมากตลอดหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ ยังประโยชน์ให้แก่ผู้บริโภครายได้น้อยในประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วผ่านสินค้าราคาย่อมเยา ดังนั้น การยกเลิกการเชื่อมโยงทางการค้าจะส่งผลกระทบต่อประเทศรายได้น้อยและผู้บริโภครายได้ต่ำในประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วมากที่สุด"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจาก IMF ว่า การออกมาตรการจำกัดการอพยพข้ามพรมแดนจะทำให้ประเทศจุดหมายปลายทางสูญเสียแรงงานมีฝีมือ และลดจำนวนเงินที่ผู้อพยพส่งกลับประเทศบ้านเกิด การหมุนเวียนเงินทุนที่ลดน้อยลงจะลดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ขณะที่ ความร่วมมือระหว่างประเทศที่ลดน้อยลงจะสร้างความเสี่ยงต่อจัดหาสินค้าให้กับสาธารณชนทั่วโลก