ผลสำรวจชี้ นักธุรกิจกลัวปัญหาความท้าทายโลก ต้องเร่งปรับตัวด่วน
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงาน (4 ก.พ.) ว่า ประธานบริหารบริษัท (ซีอีโอ) จำนวนมากจากทั่วโลกคิดว่า บริษัทของตนเองอาจมีปัญหาระยะยาวจากความท้าทายต่าง ๆ ของโลก อาทิ สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีเอไอ ปัญหาซัพพลายเชน ฯลฯ
ซีอีโอราว 2,000 คนที่บริษัทไพรซ์วอเทอร์เฮาส์คูเปอส์ หรือ พีดับบลิวซี บริษัทตรวจสอบบัญชีและที่ปรึกษาธุรกิจได้สำรวจ บอกว่า บริษัทของตนอาจไม่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจภายใน 10 ปีข้างหน้า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงทิศทางธุรกิจ ซึ่งคิดเป็น 40% ของซีอีโอที่สำรวจทั้งหมด 105 ประเทศ
ซีอีโอที่สำรวจมากกว่า 50% กังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนความต้องการของลูกค้า, การเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมาย, และการขาดแคลนแรงงาน นับเป็นความท้าทายต่อการทำกำไรในอีก 10 ปีข้างหน้า
ซีอีโอ 49% กังวลเกี่ยวกับเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ที่ทำให้กำไรบริษัทลดลง ซีอีโอ 43% บอกว่า การเปลี่ยนแปลงด้านซัพพลายเชนยังคงเป็นภัยคุกคามธุรกิจต่อไป และซีอีโอราว 1 ใน 3 กังวลเกี่ยวกับคู่แข่งจากนอกอุตสาหกรรมที่เข้ามาทำธุรกิจกลุ่มเดียวกัน
รายงานของพีดับบลิวซี ระบุว่า "สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง, การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี, การเปลี่ยนแปลงทางประชากร, การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และความไม่แน่นอนทางสังคม เป็นการเพิ่มขึ้นของเมกะเทรนด์ที่อาจพลิกโฉมธุรกิจในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ ซีอีโอชาวอเมริกันส่วนใหญ่มองแผนธุรกิจระยะยาวในแง่บวกมากที่สุด ขณะที่ผู้นำธุรกิจในญี่ปุ่นและจีนมองในแง่ดีน้อยที่สุด และแม้เกิดความกังวล ผู้นำธุรกิจส่วนใหญ่ประมาณ 60% ไม่มีแผนปลดพนักงาน อย่างน้อยช่วง 12 เดือนข้างหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ความกังวลของซีอีโอจากรายงานดังกล่าว ไม่อาจส่งผลดีต่อพนักงานบางคน
นอกจากนี้ ในรายงาน ผู้เขียนชี้แนะว่า ผู้นำธุรกิจเริ่มตัดสินใจทิศทางของบริษัทในระยะยาวชัดเจนขึ้น เช่น ฟิลิปส์ บริษัทสัญชาติเนเธอร์แลนด์ที่ปรับธุรกิจเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีสุขภาพเมื่อปี 2553 หลังเน้นสินค้าด้านแสงไฟตั้งแต่ปี 2434