เตรียมรับมือ วิกฤติ “ทรายหมดโลก” หายนะใหม่ของมนุษย์?!

เตรียมรับมือ วิกฤติ “ทรายหมดโลก” หายนะใหม่ของมนุษย์?!

โลกมีทะเลทรายหลายแห่ง และทรายก็มีมหาศาล แต่ทำไม UN ถึงกล่าวว่า โลกกำลังเผชิญทรายขาดแคลน และการขาดแคลนทรายเช่นนี้จะนำมาสู่หายนะมนุษย์ด้านใดบ้าง

ปีที่แล้ว หน่วยงานสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNEP ได้เตือนว่า "โลกกำลังเข้าสู่วิกฤตการณ์ทรายหมดโลก (Sand Crisis)" จากการที่มนุษย์ใช้ทรายสูงถึง 5 หมื่นล้านตันต่อปี หรือประมาณ 17 กิโลกรัมต่อคนต่อวันในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา อันเกิดจากการขยายตัวของเมือง และประชากรที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ การขาดแคลนทรายนี้กำลังนำมาสู่หายนะของมนุษยชาติได้

 

  • ทำไมโลกขาดแคลนทรายถึงเป็นหายนะของมนุษย์

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทรายเป็นวัตถุดิบสำคัญในโลก ด้วยปริมาณที่มากเป็นอันดับ 2 รองจากน้ำ อีกทั้งไม่เหลวเหมือนน้ำ ไม่แข็งเหมือนก้อนหิน แต่บีบอัดได้ จึงเป็นวัตถุดิบหลักของคอนกรีต และซีเมนต์

นอกจากนี้ นครนิวยอร์ก (สหรัฐ) นครเซี่ยงไฮ้ (จีน) และกรุงเทพฯ ก็ล้วนก่อร่างมาจากทรายปริมาณมหาศาล

ก่อนหน้านี้ การผลิตกระจก ขวดแก้วไวน์ ขวดแก้วบรรจุวัคซีน ประสบภาวะขาดแคลนอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะทรายไม่เพียงพอ หรือแม้แต่หน้าจอโน้ตบุ๊ก หน้าจอสมาร์ทโฟน ก็ล้วนทำมาจากทรายทั้งสิ้น

ขณะเดียวกัน การทำถนนก็ต้องใช้ยางมะตอยคลุกเคล้ากับหินและทรายให้กลายเป็น แอสฟัลต์คอนกรีต (Asphalt Concrete) เทผิวหน้าถนน

เครื่องสำอาง ก็มีการใช้ทรายซิลิกาเป็นสารเพิ่มความหนืดและความคงตัวในเครื่องสำอาง ยาสีฟัน ลิปสติก และเจลอาบน้ำ

ส่วนที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ทั่วโลกคือ ชิป หรือส่วนประมวลผลของมือถือ รถ EV เครื่องซักผ้า คอมพิวเตอร์ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ฯลฯ ที่ล้วนขาดชิปไม่ได้ และชิปก็ผลิตจากวัตถุดิบหลักอย่างทราย จึงเป็นกลายเป็นประเด็นร้อนเมื่อจีนสั่งระงับส่งออกทรายไปไต้หวันจากกรณีการเยือนไต้หวันของสหรัฐ กระทบการขาดแคลนชิป

 

เตรียมรับมือ วิกฤติ “ทรายหมดโลก” หายนะใหม่ของมนุษย์?! - เซมิคอนดักเตอร์ ผลิตมาจากทราย (เครดิต: AFP) -

หรือแม้แต่การขุดเจาะน้ำมันแบบ Fracking ที่สหรัฐใช้ลดการพึ่งพาตะวันออกกลาง ก็ต้องใช้สารเคมีกัดกร่อนพร้อมทรายจำนวนมากอัดฉีดลงสู่หินใต้ดิน เพื่อให้เกิดรอยร้าวแตก สูบเอาน้ำมันและก๊าซขึ้นมา

วัตถุดิบที่ขาดไม่ได้อย่างทรายเช่นนี้ จึงสำคัญอย่างยิ่งต่อมนุษยชาติ

 

  • ในเมื่อโลกมีทรายมหาศาล แต่ทำไมถึงกำลังขาดแคลน

ในความเป็นจริงแล้ว เราไม่สามารถนำทรายจากทะเลทรายมาใช้งานได้ เพราะทรายเหล่านี้ผ่านสายลมแรงตลอด จนมันมีความกลมเกลี้ยง และดูละมุน หากใช้ในการก่อสร้างหรือใช้งานใด ๆ แรงยึดเกาะจะไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อการล้มครืน ไม่มั่นคง จนอาจเป็นอันตรายได้

นอกจากนี้ การสร้างตึกเบิร์จ คาลิฟา (Burj Khalifa) ซึ่งมีความสูงที่สุดของนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แม้ภูมิประเทศจะเป็นทะเลทราย แต่กลับนำเข้าทรายจากออสเตรเลียซึ่งอยู่ไกลกว่า 10,000 กิโลเมตร มาใช้ก่อสร้างแทน

 

เตรียมรับมือ วิกฤติ “ทรายหมดโลก” หายนะใหม่ของมนุษย์?!

- ตึกเบิร์จ คาลิฟา เเห่งดูไบ แม้จะอยู่ในประเทศทะเลทราย เเต่กลับนำเข้าทรายจากออสเตรเลียในการก่อสร้างเเทน (เครดิต: AFP) -

 

ดังนั้น มนุษย์จึงจำเป็นต้องใช้ทรายจากใต้ท้องทะเล ริมชายหาด ริมแม่น้ำหรือลำธารแทน ที่มีความเหลี่ยม ขรุขระ และการยึดเกาะที่มากกว่า ซึ่งนับวันยิ่งร่อยหรอลงเรื่อย ๆ

พื้นที่เหล่านี้กำลังถูกรุกล้ำจากการขยายชุมชนของมนุษย์ อีกทั้งการบริโภคของมนุษย์ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด นำมาสู่การขุดทรายมหาศาลผ่านเรือขุด ปั๊มดูดทราย การขุดเหมืองทราย ปัจจัยเหล่านี้ทำให้สหประชาชาติ (UN) กังวลใจว่า “ทรายกำลังขาดแคลน และสุ่มเสี่ยงหมดโลก”

 

เตรียมรับมือ วิกฤติ “ทรายหมดโลก” หายนะใหม่ของมนุษย์?!

- การทำเหมืองทราย (เครดิต: AFP) -

 

เตรียมรับมือ วิกฤติ “ทรายหมดโลก” หายนะใหม่ของมนุษย์?!

- การถมทรายมหาศาลลงทะเล สร้างเกาะขึ้นมาของดูไบ (เครดิต: AFP) -

   

  • ทรายลดลง กระทบระบบนิเวศอย่างไร

ในเม็ดทราย มีสารอาหารสำคัญต่อการเติบโตของปลาลูกอ่อน ถูกพัดพาไปกับทรายที่ถูกขุด ยิ่งไปกว่านั้น ทรายยังสำคัญต่อการรักษาสมดุลของน้ำด้วย หากถูกขุดออกไปมากเกินไป พื้นที่รองรับน้ำเสียสมดุลก็จะส่งผลให้น้ำท่วมถี่ขึ้น และรุนแรงขึ้นได้

ยกตัวอย่างเช่น กรณีการขุดทรายบริเวณประเทศศรีลังกา ทำให้กระแสน้ำเปลี่ยน น้ำทะเลเข้าหาฝั่งมากขึ้น และพาจระเข้น้ำเค็มเข้ามาเยี่ยมเยือนใกล้ถิ่นอาศัยของมนุษย์ด้วย

 

เตรียมรับมือ วิกฤติ “ทรายหมดโลก” หายนะใหม่ของมนุษย์?!

- การขุดทรายตามริมน้ำ (เครดิต: AFP) -

 

  • วิธีชะลอการขาดแคลนทราย

ในเอกสารการประชุมสหประชาชาติ (UN) เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2565 ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ รายงานว่า หากจะทดแทน “ทราย” ด้วยกระบวนการธรรมชาติ ต้องใช้เวลานานถึงหลายร้อยหลายพันปี ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤติทรายขาดแคลน รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ควรออกกฎหมายห้ามการขุดทรายริมชายหาด และควรนำคอนกรีตเก่ามาหมุนเวียนใช้ใหม่ แทนทรายจากธรรมชาติ

ในบางประเทศ รวมถึงจีนและสหรัฐ ใช้วิธีทดแทนทรายด้วยการบดหินให้กลายเป็นวัสดุมวลรวมขนาดเล็กอย่างกรวดหรือแม้แต่ทราย เพื่อผสมใช้เป็นคอนกรีตได้ ซึ่งวิธีนี้จำเป็นต้องมีการลงทุนทั้งด้านเครื่องมือและพลังงานที่ใช้กับเครื่องจักร ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัททำเหมืองขนาดเล็กจำนวนมากนั้นไม่มี

ทั้งหมดนี้อาจสรุปได้ว่า โลกกำลังเผชิญความเสี่ยงขาดแคลนทรายที่กำลังใกล้เข้ามา สิ่งรอบตัวมนุษย์ตั้งแต่การก่อสร้างไปจนถึงอุปกรณ์ให้ความสะดวกสบายอย่างมือถือ ก็มีวัตถุดิบทรายทั้งสิ้น อีกทั้งหากอาศัยการทดแทนจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียวก็ใช้เวลานานหลายร้อยหลายพันปี ดังนั้น การรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้ทรายธรรมชาติน้อยลง และหมุนเวียนการใช้ให้มากขึ้น จะช่วยลดการขาดแคลนทรายลงได้

 

อ้างอิง: reuters reuters(2) cnbc realizebeauty bbc bbc(2)