ยูเครนรำลึก 1 ปีสงคราม ประกาศลั่น รัสเซียต้องพ่ายแพ้

ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ร่วมพิธีสงบนิ่งไว้อาลัยแก่ทหาร ที่เสียชีวิตในสงคราม ในโอกาสครบรอบ 1 ปีรัสเซียบุก ประกาศกร้าวว่า รัสเซียต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และหลายชาติร่วมแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับยูเครน และต่อต้านสงคราม

ประธานาธิบดีเซเลนสกี ของยูเครน พร้อมด้วยเหล่าทหารและแขกผู้มีเกียรติ ร่วมสงบนิ่งไว้อาลัยที่จัตุรัสเซนต์โซเฟีย ในกรุงเคียฟในเช้าวันศุกร์ (24 ก.พ.) โดยกล่าวขอบคุณทุกคนที่มีส่วนทำให้ยูเครนรอดพ้นและยืนหยัดมาได้จนถึงปีนี้ หลังจาก รัสเซีย เริ่มเปิดฉาก สงคราม ในวันที่ 24 ก.พ. ปีที่แล้ว พร้อมกับบอกด้วยว่า เหล่าทหารทั้งหลายจะเป็นผู้ตัดสินชะตาว่ายูเครนจะยังอยู่รอดต่อไปได้หรือไม่ พร้อมกับกล่าวแสดงความภาคภูมิใจในเหล่าทหาร และขอให้ความภาคภูมิใจอยู่ทั่วทุกแห่งในยูเครน รวมทั้งบอกว่า เหล่าทหารทั้งหลายจะเป็นผู้ตัดสินชะตาว่ายูเครนจะยังอยู่รอดต่อไปได้หรือไม่

ตลอดระยะเวลา 30 นาทีของพิธีรำลึก ผู้นำวัย 45 ปีพยายามสะกดกลั้นน้ำตาหลายครั้ง ขณะมอบเหรียญกล้าหาญให้กับเหล่าทหารและญาติของทหารที่เสียชีวิต

ก่อนหน้านั้น เซเลนสกี กล่าวในการประชุมกับชาติยุโรปที่ลิทัวเนียผ่านระบบวิดีโอว่า “รัสเซียต้องพ่ายแพ้ในยูเครน” และประธานาธิบดี กิตานัส เนาเซดา ของลิทัวเนีย กล่าวด้วยว่า “ชัยชนะของยูเครนเท่านั้นจึงจะปกป้องค่านิยมเกี่ยวกับเสรีภาพ ประชาธิปไตย และระเบียบโลกได้

นอกจากนี้ ในหลายประเทศมีกิจกรรมเพื่อร่วมรำลึกสงครามและต่อต้านรัสเซีย โดยนายกรัฐมนตรี ริชี ซูแน็ก ของอังกฤษ พร้อมด้วยเอกอัคราชทูตของยูเครน ทหารยูเครน และผู้แทนจากประเทศที่ร่วมสนับสนุนการฝึกฝนทหารยูเครนในอังกฤษ ร่วมสงบนิ่ง 1 นาทีหน้าบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิง เพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตในสงคราม

ส่วนสถานที่แลนด์มาร์กสำคัญในหลายประเทศ รวมถึง โอเปราเฮาส์ในนครซิดนีย์เปิดไฟสีฟ้าและเหลืองตามสีธงชาติยูเครน เพื่อร่วมแสดงการสนับสนุนยูเครนในโอกาสครบรอบ 1 ปีของสงคราม ก่อนหน้านั้นหอไอเฟลในฝรั่งเศส และอาคารสำนักงานสหภาพยุโรปในเบลเยียมก็เร่วมเปิดไฟสีธงชาติยูเครนเมื่อวันพฤหัสบดี

ขณะที่ในกรุงวอร์ซอของโปแลนด์ มีผู้ประท้วงรวมตัวที่ด้านนอกอาคารที่พักของเจ้าหน้าที่สถานทูตรัสเซียในเช้าวันศุกร์ โดยชูป้ายประท้วงที่มีข้อความว่า “รัสเซียเป็นรัฐผู้ก่อการร้าย”

โปแลนด์เป็นพันธมิตรสำคัญของยูเครน ที่โน้มน้าวให้ชาติอื่น ๆ ในยุโรป ร่วมจัดส่งอาวุธหนักไปช่วยยูเครน รวมถึง รถถัง