'เฟด' ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ส่งสัญญาณปรับขึ้น 'อีกครั้งเดียว' ปีนี้
"เฟด" ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ส่งสัญญาณหยุด "ดอกเบี้ยขาขึ้น" พร้อมคาดอาจปรับขึ้น "อีกครั้งเดียว" ภายในสิ้นปีนี้ หลังตัวเลขเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลง
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมเมื่อวันพุธ (22 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น แสดงถึงความระมัดระวังด้านการดำเนินนโยบาย ท่ามกลางวิกฤติภาคธนาคาร
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนึ้ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 9 ตั้งแต่เดือน มี.ค. ปีที่แล้ว มีขึ้นหลังจากเอฟโอเอ็มซีมีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมเมื่อเดือน ก.พ. 2566 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2550
ทั้งนี้ เอฟโอเอ็มซี เปิดเผยว่า ไม่รับประกันว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตอีกหรือไม่ ซึ่งปัจจัยส่วนใหญ่ต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจในเวลานั้น
"คณะกรรมการฯ จะจับตาดูข้อมูลที่ได้หลังจากนี้ และค่อยมาประเมินถึงการปรับใช้นโยบายทางการเงิน" แถลงการณ์เอฟโอเอ็มซีระบุ
ถ้อยแถลงดังกล่าวถือเป็นท่าทีที่อ่อนลงจากการแถลงครั้งก่อน ๆ ที่มักระบุว่า "การปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง" จะเป็นวิธีที่เหมาะสมในการฉุดตัวเลขเงินเฟ้อลง
นอกจากนี้ เอฟโอเอ็มซีเปิดเผยว่า ผลการคาดการณ์เฉลี่ยของเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ (10 คนจากทั้งหมด 18 คน) คาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งก่อนสิ้นปี 2566
ส่วนในปี 2567 เอฟโอเอ็มซีประมาณการว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงมาอยู่ที่ 4.1% ไม่เปลี่ยนแปลงจากการคาดการณ์ในเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 7 ครั้งในปีที่แล้ว โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้ง, 0.50% จำนวน 2 ครั้ง และ 0.75% จำนวน 4 ครั้ง ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4.25% ในปี 2565 และได้ปรับขึ้นอีก 2 ครั้งแล้วในปีนี้ เพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐที่อยู่ในระดับสูงก่อนจะเริ่มผ่อนคลายลงในปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐ รายงานว่า ดัชนีผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อสำคัญของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6% จากเดือน ก.พ.ปีที่แล้ว ชะลอตัวลงจากตัวเลขรายปีในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาและสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์
ขณะที่ดัชนีผู้บริโภครายเดือน เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.4% ในเดือน ก.พ. เทียบกับเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าตัวเลขรายเดือนที่เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2564
เมื่อต้นเดือนนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 83.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. และให้น้ำหนัก 16.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.50-4.75%
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่า หลังการประชุมรอบวันที่ 20-21 มี.ค. เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม และน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 28-29 ก.ย. ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยก่อนหน้านี้เฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปี 2567
ขณะเดียวกัน ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือน มี.ค. รวมทั้งจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้