ทำเนียบขาวมั่นใจสัมพันธ์ ‘สหรัฐ-ฝรั่งเศส’
ทำเนียบขาวแถลง ยังคง “มั่นใจ” ในความสัมพันธ์สหรัฐ-ฝรั่งเศส หลังประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงเอาตัวออกห่างจากนโยบายไต้หวันของสหรัฐ และเตือนชาติยุโรปอย่าเป็น “ผู้ตาม”
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบขาว แถลงเมื่อวันจันทร์ (10 เม.ย.) ตามเวลาสหรัฐ ว่า รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังคง “สะดวกใจและเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ทวิภาคีอันเยี่ยมยอดที่เรามีกับฝรั่งเศส” ประธานาธิบดีไบเดนและประธานาธิบดีมาครง มีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีต่อกัน และสองประเทศ “กำลังทำงานร่วมกันในหลายประเด็นที่เห็นต่าง” เช่น ปฏิบัติการทางทะเลในเอเชียแปซิฟิก
นายเคอร์บีระบุ วอชิงตันและปารีสเป็นพันธมิตรกัน “ในความพยายามของเราทั้งหมดในพันธมิตรกลุ่มใหญ่ เครือข่ายพันธมิตร และความเป็นหุ้นส่วน”
ทั้งนี้ มาครงผู้หารือเรื่องไต้หวันกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เมื่อวันศุกร์ (7 เม.ย.) ให้สัมภาษณ์ว่า ประเทศยุโรป ซึ่งอยู่ในกลุ่มพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของสหรัฐ ไม่ควรตกอยู่ในการเผชิญหน้าตึงเครียดระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตันเรื่องชะตากรรมของไต้หวัน จีนให้คำมั่นว่าจะนำไต้หวันกลับมาอยู่ในการควบคุมของตน ขณะที่รัฐบาลสหรัฐให้คำมั่นช่วยไต้หวันป้องกันตนเอง
มาครง เตือนยุโรปไม่ให้ “เข้าไปอยู่ในวิกฤติที่ไม่ใช่ของเราแล้วขัดขวางไม่ให้ยุโรปมีอิสระทางยุทธศาสตร์ ความย้อนแย้งอยู่ที่ เราเชื่อว่าเป็นแค่คนเดินตามอเมริกา เราต้องเอาชนะความกลัวนี้ มันจะเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่เรา ยุโรป ต้องเดินตามและรับคำแนะนำจากสหรัฐและปฏิกิริยาเลยเถิดของจีน”
ผู้นำฝรั่งเศสแนะนำให้ยุโรป ที่พึ่งพาการป้องกันทางทหารอย่างหนักจากสหรัฐนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็น “มหาอำนาจที่ 3”
จากบทสัมภาษณ์ วารสารวิเคราะห์ข่าว Politicoรายงานว่า “มาครงไม่เดินตามวอชิงตัน” ขณะที่บทบรรณาธิการอันทรงอิทธิพลของวอลล์สตรีทเจอร์นัลที่ออกแนวอนุรักษนิยม รายงานว่า มาครง “ทำพลาด” และบั่นทอนการป้องปรามจีนที่นำโดยสหรัฐ