สหรัฐฯชำระหนี้ตามนัดแน่ เพียงรอผ่านแค่เกมการเมือง
แม้ระยะนี้จะมีข่าวร้ายรายวันว่า เศรษฐกิจโลกจะสลาย เพราะสหรัฐจะเบี้ยวหนี้ ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือน ตลาดหุ้นเตรียมตัวรับวิกฤติกันใหญ่ แต่ผมมั่นใจว่าอีกภายในสองสัปดาห์ รัฐบาลจะมีทางออกและข่าวนี้จะผ่านไปครับ
คำเตือนจากผู้ใหญ่ :Janet Yellen รมต.คลังสหรัฐ ออกมาเรียกร้องให้รัฐสภาขยับเพดานหนี้ขึ้น เพื่อให้รัฐบาลชำระหนี้ได้ตามที่นัดหมายไว้ เกรงว่าถึงวันที่ 1 มิ.ย.นี้ เงินในคลังจะไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้และค่าใช้จ่ายต่างๆของรัฐ ถือว่ารัฐบาลอเมริกันผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งจะนำมาสู่ความหายนะของเศรษฐกิจโลก และเสี่ยงต่อความเป็นผู้นำของสหรัฐในเวทีโลก
Jamie Domon, CEO of JP Morgan Chase ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เตือนว่าเรื่องนี้อันตรายมาก หากตกลงกันไม่ได้ทันเวลา ธนาคารคาดว่าวิกฤติจะไม่เกิดขึ้น แต่เพื่อความไม่ประมาท ได้ตั้งทีมงานพิเศษแบบ ‘ห้องบัญชาการสงคราม’ เรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยประชุมหนึ่งครั้งทุกสัปดาห์ และคงต้องเปลี่ยนเป็นการประชุมทุกวันนับตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. เป็นต้นไป และจะขยับขึ้นเป็นการประชุม 3 ครั้งต่อวันหากสถานการณ์บีบคั้น
นี่เป็นตัวอย่างของผู้เกี่ยวข้องระดับสูงหลายฝ่ายซึ่งออกมาเรียกร้อง ตำหนิ ตักเตือน และวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ และรัฐบาลอเมริกัน ให้หาทางตกลงกันเพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับชาวอเมริกันและชาวโลก
ประลองกำลังการเมืองระหว่างสองพรรค : การเจรจาระหว่างประธานสภาผู้แทนสหรัฐ กับทำเนียบขาวนั้น ยังไม่มีความคืบหน้า ต่างฝ่ายต่างใช้โอกาสนี้ชี้จุดอ่อนฝั่งตรงข้าม หาคะแนนเสียงเข้าฝ่ายตนเอง เป็นพฤติกรรมการเมืองซึ่งเราเห็นบ่อยครั้ง วันศุกร์ที่ 12 พ.ค.นัดประชุมกันอีกครั้ง แต่เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน จึงเลื่อนการประชุมออกไปอีกถึงสัปดาห์หน้า
ทำไมหนี้ของสหรัฐจึงทำให้เดือดร้อนกันทั่วโลก: หนี้ของสหรัฐเกี่ยวข้องโดยตรง กับระบบการเงินการธนาคารทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย การค้าระหว่างประเทศทั่วโลกนั้นใช้อเมริกันดอลลาร์ และยูโรถึง 90% ธนาคารชาติทั่วโลกโดยเฉลี่ยแล้วใช้เงินตราสำรองเป็นสกุลดอลลาร์ 60% และยูโร 20% เพราะฉะนั้นสุขภาพการเงินของสหรัฐเป็นสิ่งอ่อนไหวกับสุขภาพของแทบทุกประเทศ
ก่อนถึงเส้นตาย 1 มิ.ย.ทุกอย่างจะเข้าที่ :เหตุผลคือ ประธานาธิบดี Joe Biden มีอำนาจตามกฎหมายการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญข้อที่ 14 แก้ปัญหาเรื่องงบประมาณโดยฉุกเฉิน ถึงแม้รัฐสภาจะยังไม่ยอมขึ้นเพดานหนี้ ทางเลือกมีหลายอย่างเช่น
๐ใช้ความกดดันทางการเมือง Bidenประกาศชัดเจนว่าไม่ยอมต่อรองใดๆทั้งสิ้น กับสภาผู้แทน ซึ่งพรรครีพับลิกันฝั่งตรงข้ามมีเสียงข้างมาก ข่าวร้ายจะลดความเลื่อมใสของพรรคการเมืองทั้ง 2 ฝ่าย ผู้นำซึ่งมีความสามารถในการประชาสัมพันธ์เหตุผลของฝั่งตนเองชัดเจนก็จะได้เปรียบ Biden มีความมั่นใจว่า เรื่องนี้ตนทำได้ ไม่จำเป็นต้องยอมอ่อนข้อให้ฝั่งรีพับลิกัน ซึ่งมุ่งหวังตัดงบประมาณสำคัญหลายอย่าง โดยเฉพาะสวัสดิการสังคม ซึ่งเป็นหลักในความนิยมทางการเมืองของฝ่ายเดโมแครต หากครั้งนี้รีพับลิกันยืนยอมอ่อนข้อให้ เดโมแครตจะได้พลังการเมืองเพิ่มขึ้น
๐ใช้ช่องว่างทางกฎหมายสภาผู้แทน โดยกดดันให้ผู้แทนฝ่ายรีพับลิกัน 5 คน ลงคะแนนเสียงร่วมกับเดโมแครต สภาผู้แทนสมัยปัจจุบันเป็นรีพับลิกัน 222 คนและเดโมแครต 213 คน หากรีพับลิกัน 5 คนมาลงคะแนนเสียงเฉพาะกิจครั้งนี้กับเดโมแครต รวมกันจะกลายเป็น 218 เสียง และสามารถเอาชนะอีกฝั่งหนึ่งซึ่งเหลือ 217
๐เทคนิคบางอย่างที่ไม่เคยใช้มาก่อน เช่นการทำเหรียญกษาปณ์แพลทตินั่ม มูลค่าหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ เอาไปฝากเข้าบัญชีกับธนาคารกลางอเมริกา FED ก็จะทำให้มีเงินในบัญชีเพิ่มขึ้นชำระหนี้และค่าใช้จ่ายของรัฐบาลทันที
๐ออกพันธบัตรพิเศษโดยเพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้คุ้มค่า ปัจจุบันความต้องการพันธบัตรสกุลดอลลาร์ยังสูงมาก หากรัฐบาลประกาศว่าใครมีพันธบัตรเดิมอยู่ เมื่อครบอายุ หากไม่ต้องการรับเงินสด ก็จะให้ผลตอบแทนสูงขึ้น หากเลือกวิธีนี้เงินในกระแสก็ไม่สะดุด เพียงแค่เลื่อนเวลาชำระหนี้ออกไปอีก
สรุปคือ เรื่องนี้เป็นเจตนาการสร้างความเครียดทางการเมือง โดยฝ่ายรีพับลิกันซึ่งมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนสมัย 118 ในปัจจุบัน เรื่องนี้ไม่ควรเป็นประเด็นเลย เพราะสหรัฐไม่มีทางเลือก นอกจากจะชำระหนี้ตามกำหนดครบถ้วนสมบูรณ์ และรักษาความเป็นผู้นำ จนกว่าจะมีการปฏิรูปเปลี่ยนแปลง โดยมีระบบอื่นมาเสริม หรือคานความสมดุล
เรื่องหนี้ของสหรัฐฯนั้น เป็นปัญหาใหญ่ และเป็นปัญหาจริงที่ไม่ควรปฏิเสธ และต้องได้รับความจริงใจ ในการแก้ไขโดยความละเอียดมีหลักการและวินัย ซึ่งสหรัฐทำได้ แต่ต้องเริ่มจากความประนีประนอม และความสามัคคีระหว่าง 2 พรรคการเมืองก่อน และประชาชนชาวอเมริกันมีความรับผิดชอบและหน้าที่พลเมืองที่จะต้องผลักดันให้ผู้แทนทั้งสองสภาแก้ปัญหานี้ให้ลุล่วงโดยเร็ว
หนี้ของสหรัฐนั้นเกิดพอกพูน มาจากการบริหารที่ผิดพลาด เรื่องสงคราม ช่วงเศรษฐกิจที่ถดถอย นโยบายภาษีและการใช้จ่ายภาครัฐ และสวัสดิการสังคมที่ไม่รัดกุมเพียงพอ
หนี้พอกพูนหากแยกเป็นยุคของประธานาธิบดี ย้อนหลังกลับไป เป็นหน่วยล้านล้านดอลลาร์ Biden 30.4, Trump 28.4, Obama 20.62, Bush 10.62, Clinton 5.79, Bush Sr 4.09, Reagan 2.87 จากตัวเลขนี้เห็นได้ชัดว่าช่วงที่มีสงครามจำนวนหนี้จะเพิ่มมากที่สุด
อุทาหรณ์เตือนใจให้เราทุกคนบริหารทรัพยากรส่วนตัวภายในครอบครัว และในชุมชนของเราด้วยวินัย คิดรอบคอบในการใช้จ่าย เป็นการลงทุนที่ควรจะคุ้มค่าทั้งระยะสั้นและระยะยาว ความประพฤติในทางลบจะส่งผลลบ ความยิ่งใหญ่มั่นคงมั่งคั่งอาจเป็นเพียงแค่คำขวัญหรือหวังว่าความเชื่อมั่นนั้นจะขายได้ต่อไปตลอด
ขออวยพรให้รัฐบาลของไทยชุดต่อไป ซึ่งมาจากการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.นี้ สำเร็จในการบริหารการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ ตามนโยบายที่ประชาชนให้ความไว้วางใจ และประคองบ้านเมืองผ่านปัญหาและสิ่งท้าทายในปัจจุบัน และที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกทั้งในและนอกประเทศครับ