ยูเอ็นเผยเมียนมาซื้ออาวุธ‘รัสเซีย-จีน’มูลค่าพันล้านดอลลาร์
รายงานของผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (17 พ.ค.) ระบุว่า จีนกับรัสเซียส่งความช่วยเหลือที่นำไปสู่ความตายของพลเมืองเมียนมา ในรูปของอาวุธและวัตถุดิบทางการทหาร เป็นมูลค่าอย่างน้อย 1,000 ล้านดอลลาร์
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า รายงานที่เผยแพร่โดย ทอม แอนดรูวส์ ผู้จัดทำรายงานพิเศษของสหประชาชาติ ว่าด้วยสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมา ชี้ให้เห็นว่ากองทัพเมียนมานำเข้าอาวุธและวัตถุดิบทางทหารอื่น ๆ คิดเป็นมูลค่าอย่างน้อย 1,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ก่อรัฐประหารเมื่อปี 2564 ส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ประหัตประหารพลเรือนที่ลุกขึ้นมาจับอาวุธเพื่อต่อต้านรัฐบาลทหาร
นับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจและจับกุมคุมขังบรรดาผู้นำฝ่ายประชาธิปไตย ผู้ต่อต้านบางกลุ่มได้หันไปจับอาวุธ หรือไปเข้าร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ต่าง ๆ ทำให้กองทัพตอบโต้ด้วยการใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและอาวุธหนัก รวมทั้งในพื้นที่อยู่อาศัยของพลเรือน
ในรายงานของแอนดรูว์สมีการระบุถึง เฮลิคอปเตอร์ Mi-35, เครื่องบินขับไล่ MiG-29, เครื่องบินแบบเบา (light aircraft) Yak-130 ที่ผลิตในรัสเซีย และยังมีเครื่องบินรบ K-8 ของจีน ที่ส่วนใหญ่มักถูกนำมาใช้ในการโจมตีทางอากาศต่อพลเรือนทำลายโรงเรียน, สถานพยาบาล, บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างของพลเรือน
เหตุโจมตีนองเลือดที่สุดในเหตุการณ์เดียว เกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในภูมิภาคซะไกง์ เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ขณะที่มีการชุมนุมที่จัดโดยฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหาร โดยมีการทิ้งระเบิด 2 ลูก จากเครื่องบิน Yak-130 ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 160 คน รวมทั้งเด็กเกือบ 40 คน แต่กองทัพปฏิเสธว่าเป้าหมายคือกลุ่มแบ่งแยกดินแดนติดอาวุธ หลังเกิดเหตุเกิดเหตุโจมตีที่ซะไกง์ และพลเรือนที่ถูกสังหารก็อาจจะเป็นผู้สนับสนุนฝ่ายต่อต้านที่รัฐบาลทหารเรียกว่า “ผู้ก่อการร้าย”
แอนดรูว์ส แถลงว่า “ข่าวดีก็คือตอนนี้เรารู้แล้วว่าใครจัดหาอาวุธ และขอบเขตอำนาจศาลและกฎหมายที่ควบคุมไปถึง” พร้อมกับเรียกร้องให้สมาชิกสหประชาชาติเพิ่มมาตรการ ยับยั้งไม่ให้อาวุธส่งไปถึงกองทัพเมียนมา บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรที่มีอยู่ และประสานความร่วมมือตามมาตรการคว่ำบาตรอื่น ๆ
รายงานฉบับนี้ ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลการค้า เพื่อระบุรายละเอียดของการส่งมอบอาวุธและสินค้าอื่น ๆ รวมทั้งวัตถุดิบเพื่อนำไปผลิตอาวุธในเมียนมา นับตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2564 โดยพบว่ามีการนำเข้าจากรัสเซีย 406 ล้านดอลลาร์ และจากจีน 267 ล้านดอลลาร์ ทั้งยังมีการนำเข้าสินค้าด้านการทหารบางส่วนจากบริษัทในสิงคโปร์ อินเดีย และไทยด้วย
รายงานระบุอีกว่า วัตถุดิบมูลค่า 227 ล้านดอลลาร์ มาจากบริษัท Rosoboronexport ผู้ส่งออกอาวุธที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ โดยส่งมอบเครื่องบินขับไล่ SU-30, ชิ้นส่วนเครื่องบินขับไล่ MiG-29 และระบบยิงจรวดอีกหลายชุด และยังมีอีกหลายบริษัทของรัสเซียที่จัดหาเครื่องมือ, อุปกรณ์และอะไหล่ สำหรับระบบอาวุธที่จัดหาโดยรัสเซีย ที่ถูกนำไปใช้ก่ออาชญากรรมสงคราม และก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ