รมว.กลาโหมสหรัฐบ่น 'เสียดาย' จีนไม่คุยด้วย
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐเผย รัฐบาลปักกิ่งปฏิเสธการหารือระหว่าง รมว.กลาโหมสหรัฐและจีนถือเป็นเรื่องน่าเสียดายโดยเฉพาะจากพฤติกรรม “ยั่วยุ” ล่าสุดของจีน
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน รัฐบาลวอชิงตันเชิญนายหลี่ จางฟู่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจีน หารือกับนายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ นอกรอบการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมที่สิงคโปร์ในสัปดาห์นี้ แต่ปักกิ่งปฏิเสธแม้ไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการ โฆษกแถลงเพียง “สหรัฐรู้ดีว่าทำไมการสื่อสารทางทหารตอนนี้ถึงทำได้ยาก”
ระหว่างแวะที่กรุงโตเกียวก่อนเดินทางมาถึงสิงคโปร์นายออสตินเผยกับสื่อ เรียกการตัดสินใจของปักกิ่งว่า “น่าเสียดาย”
“คุณก็เคยได้ยินผมพูดหลายครั้งแล้วถึงความสำคัญของประเทศใหญ่ที่มีขีดความสามารถสูง ถ้าได้คุยกันก็จะสามารถจัดการวิกฤติและป้องกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลายควบคุมไม่ได้โดยไม่จำเป็น” นายออสตินกล่าวและว่า การสกัดอย่างยั่วยุล่าสุด “ที่จีนทำกับเครื่องบินของเราและพันธมิตรน่ากังวลยิ่ง”
“เราหวังว่าพวกเขาจะเปลี่ยนการกระทำ แต่ในเมื่อยังไม่เปลี่ยน ผมจึงกังวลว่าถึงจุดหนึ่งจะเกิดเหตุที่อาจบานปลายได้เร็วมากๆ”
เมื่อวันอังคาร (29 พ.ค.) กองทัพสหรัฐแถลงว่า นักบินเครื่องบินรบจีนคนหนึ่ง “ซ้อมบินอย่างก้าวร้าวโดยไม่จำเป็น” ใกล้เครื่องบินสอดแนมสหรัฐลำหนึ่งที่ปฏิบัติการเหนือทะเลจีนใต้เมื่อสัปดาห์ก่อน
คลิปวีดิโอของกองทัพสหรัฐเผยภาพ เครื่องบินรบจีนหนึ่งลำบินตัดหน้าเครื่องบินสหรัฐ ส่งผลให้เกิดหลุมอากาศจนเครื่องสั่นสะเทือนมองเห็นได้ แต่กองทัพจีนตอบโต้ในวันรุ่งขึ้น เครื่องบินสหรัฐ “ฝ่า” เข้ามาในพื้นที่ฝึกซ้อมของจีน ทั้งยังกล่าวหาว่ารัฐบาลวอชิงตัน “ยั่วยุ” ส่งเรือและเครื่องบิน “มาสอดแนมจีนอย่างใกล้ชิด เป็นอันตรายร้ายแรงต่อความมั่นคงและอธิปไตยของชาติจีน”
ทั้งนี้ ออสตินและเจ้าหน้าที่สหรัฐคนอื่นๆ กำลังทำงานเสริมสร้างพันธมิตรในเอเชีย เพื่อรับมือการเคลื่อนไหวที่รุกมากขึ้นของปักกิ่ง แต่ก็มีสัญญาณสำคัญว่าทั้งสองฝ่ายกำลังปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกันด้วย
เดือนนี้นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐพบกับนายหวัง อี้ เบอร์หนึ่งด้านการต่างประเทศของจีนที่กรุงเวียนนา ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเองได้กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งจะดีขึ้น “เร็วๆ นี้”
สำหรับออสตินเขากล่าวด้วยว่า ยังคงเปิดโอกาสสำหรับการหารือกับจีน
“ผมยินดีเปิดทุกโอกาสในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้นำ ผมคิดว่ากระทรวงกลาโหมควรคุยกันเป็นประจำ หรือเปิดช่องทางการสื่อสารระหว่างกัน”