IMF คาดปีนี้ ศก.โลกโต 3% สหรัฐโต 2.1% แต่หั่นคาดการณ์ศก.ยูโรโซน-จีนลดลง

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยรายงาน World Economic Outlook ฉบับล่าสุด ซึ่งแสดงผลคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโตมากขึ้น สวนทางเศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวลดลง

ไอเอ็มเอฟ เพิ่มคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจโต 0.3% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับคาดการณ์เมื่อเดือนก.ค. สู่ระดับ 2.1% และเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐปีหน้าโต 0.5% สู่ระดับ 1.5%

เนื่องจากสหรัฐยกระดับการลงทุนทางธุรกิจแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาส 2 การเติบโตของการบริโภคยืดหยุ่น ท่ามกลางตลาดแรงงานที่ตึงตัว และนโยบายการคลังแบบขยายตัว แต่เศรษฐกิจอาจเติบโตชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 จนเข้าสู่ปี 2567 เนื่องจากค่าแรงเพิ่มขึ้นช้า, เงินออมช่วงการแพร่ระบาดโควิดน้อยลง, นโยบายการเงินแบบเข้มงวด และคนว่างงานสูง

สวนทางกลับพื้นที่ยูโรโซน โดยไอเอ็มเอฟหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจยูโรโซนลง 0.2% สู่ระดับ 0.7% และหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจยูโรโซนในปีหน้าลดลง 0.3% สู่ระดับ 1.2%

ไอเอ็มเอฟคาดว่า เศรษฐกิจเยอรมนีอาจตกต่ำ เนื่องจากการค้าชะลอตัวและอัตราดอกเบี้ยสูง ขณะที่อุปสงค์ภายนอกของฝรั่งเศสแข็งแกร่งกว่า และผลผลิตอุตสาหกรรมเป็นไปตามเป้า

ส่วนเศรษฐกิจอังกฤษอาจเติบโตเล็กน้อยสู่ระดับ 0.5% ในปีนี้ แต่หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจอังกฤษในปีหน้าลง 0.4% สู่ระดับ 0.6% เนื่องจากได้รับผลกระทบดุลจากการค้าลดลง

ไอเอ็มเอฟย้ำว่า เศรษฐกิจโลกอาจโต 3% ในปีนี้ และหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2567 ลง 0.1% สู่ระดับ 2.9% และว่า อุปสรรคของเศรษฐกิจโลกลดลงแล้ว เนื่องจากโควิดไม่ใช่สถานการณ์ฉุกเฉินด้านสุขภาพของโลกอีกต่อไป, ซัพพลายเชนส่วนใหญ่กลับสู่ระดับปกติ และสถานการณ์ทางการเงินโลกบรรเทาลง หลังความปั่นป่วนในภาคธนาคารสวิสและสหรัฐควบคุมได้

อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายต่อเศรษฐกิจโลกอยู่หลายอย่าง อาทิ ภาคการผลิตชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ภาคบริการบางพื้นที่ซบเซา และธนาคารกลางทั่วใช้นโยบายการเงินเข้มงวดเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

ขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจจีนหลังยกเลิกล็อกดาวน์ ยังคงซบเซา และประเทศเผชิญกับวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ ไอเอ็มเอฟคาดว่า เศรษฐกิจจีนปีนี้โต 5% และปีหน้าโต 4.2%