'สี จิ้นผิง' โผล่เยี่ยมแบงก์ชาติจีน ส่งสัญญาณเอาจริงลุยกระตุ้นเศรษฐกิจ

บลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมธนาคารกลางจีน (PBOC) และสำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) อย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งอาจเป็นการส่งสัญญาณออกไปว่า รัฐบาลจะมุ่งให้ความสำคัญกับการฟื้นเศรษฐกิจ และตลาดการเงินจีนมากขึ้นหลังจากนี้ 
 
รายงานระบุว่า สีเดินทางไปพร้อมกับรองนายกรัฐมนตรี เหอ ลี่เฟิง และเจ้าหน้าที่รัฐบาลอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อช่วงบ่ายวันอังคาร ที่ 24 ต.ค.66 ตามเวลาท้องถิ่น และยังไปตรวจเยี่ยมสำนักงานของ CIC ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในจีนอีกด้วย

แม้จะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของการเดินทางเยือนในครั้งนี้ แต่ทุกความเคลื่อนไหวของผู้นำจีนก็ถูกนักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิดว่าอาจเป็นการส่งสัญญาณทางด้านนโยบายครั้งใหญ่ออกมา เพราะสี จิ้นผิง นับเป็นบุคคลระดับสูงคนแรกต่อจากอดีตผู้นำ "เหมา เจ๋อตง" ที่เดินทางไปเยี่ยมแบงก์ชาติจีนอย่างเป็นทางการ ขณะที่โดยปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีของจีนจะเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจเยี่ยมหน่วยงานเหล่านี้   

แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยว่า การไปตรวจเยี่ยม SAFE เป็นส่วนหนึ่งของการไปทำความเข้าใจให้มากขึ้นถึงเรื่องทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนมูลค่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ โดยจีนกำลังจะมีการประชุมลับเรื่องนโยบายการเงินในช่วงต้นสัปดาห์หน้า เพื่อจัดลำดับความสำคัญเรื่องนโยบายการเงินในระยะกลาง และแนวทางป้องกันความเสี่ยงทางการเงินต่อไป

การปรากฏตัวของสี จิ้นผิง ยิ่งย้ำให้เห็นถึงการดำเนินการหลายอย่างของจีนในช่วงที่ผ่านมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และรักษาเสถียรภาพของตลาด และยังอาจช่วยบรรเทาความกังวลของนักลงทุนได้ หลังจากก่อนหน้านี้มีการกวาดล้างคอร์รัปชันโดยจับกุมนักธุรกิจ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนไปเป็นจำนวนมาก 

ขณะเดียวกันก็อาจเป็นการส่งสัญญาณกระตุ้นให้หน่วยงานต่างๆ ในจีนเองเร่งเครื่องในการทำงานมากขึ้น โดยบลูมเบิร์กได้ยกกรณีของบริษัท เซ็นทรัล ฮุ่ยจิน อินเวสต์เมนท์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของกองทุน CIC ที่เข้าลงทุนจำนวนหนึ่งในกองทุน ETF เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พร้อมประกาศจะเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องเพื่อช่วยพยุงตลาดหุ้นจีน ส่วนเมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมา เซ็นทรัล ฮุ่ยจิน ก็เพิ่งเข้าซื้อหุ้นแบงก์ใหญ่หลายแห่งในจีนเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ทุนไหลออกจีนแรงสุดในรอบ 7 ปี

รอยเตอร์สรายงานว่า ในเดือนก.ย. ที่ผ่านมา จีนเผชิญกับภาวะทุนไหลออกสูงที่สุดในรอบ 7 ปี หรือนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2016 โดยประมาณการว่ามีทุนไหลออกมากถึง 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่เป็นลูกค้าของธนาคารที่นำเงินออกในรูปของสกุลเงินดอลลาร์ และส่วนหนึ่งเป็นการชำระธุรกรรมข้ามพรมแดนในสกุลเงินดอลลาร์

ภาวะดังกล่าวนับว่ามีขึ้นต่อเนื่องจากในเดือนส.ค. ที่มีทุนไหลออกไปแล้ว 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่มาจากการขายสุทธิในหุ้น และพันธบัตรจีน 

'จีน' เทขายหุ้น-บอนด์สหรัฐ สูงสุดรอบ 4 ปี 

ก่อนหน้านี้บลูมเบิร์ก รายงานอ้างข้อมูลจากกระทรวงการคลังสหรัฐว่า ในเดือนส.ค.2566 นักลงทุนจีนได้เทขายสินทรัพย์สหรัฐออกไปอีก 2.12 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือสูงสุดในรอบ 4 ปี โดยเป็นส่วนของพันธบัตรสหรัฐมากที่สุด ในขณะที่หุ้นสหรัฐถูกเทขายประมาณ 5,100 ล้านดอลลาร์ หรือสูงที่สุดเท่าที่จีนเคยเทขายหุ้นสหรัฐออกไป

การเทขายสินทรัพย์สหรัฐครั้งนี้ ยังมีขึ้นในขณะที่เงินหยวนกำลังอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบหลายเดือน ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์กันว่าจีนอาจกำลังพยายามพยุงค่าเงินหยวน ที่ปีนี้อ่อนค่าลงไปแล้วมากกว่า 5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์